PCE เหนือจองทั้งวัน ให้ผลตอบแทนเกิน 7% คาดธุรกิจ 2 ปีนี้โตแกร่ง หลายปัจจัยหนุน

4485 จำนวนผู้เข้าชม  | 

PCE เหนือจองทั้งวัน ให้ผลตอบแทนเกิน 7% คาดธุรกิจ 2 ปีนี้โตแกร่ง หลายปัจจัยหนุน


การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ (PCE) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะคนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองได้ตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 2.60 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 2.28 บาท ถึง 32 สตางค์ คิดเป็นผลตอบแทน 14.03% หลังจากนั้น มีแรงซื้อดันราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดของวันที่ 2.68 บาท ก่อนจะค่อยๆ ย่อตัวลงมา แต่ตลอดทั้งวัน ราคาก็ไม่หลุด 2.40 บาท โดยปิดตลาดที่ 2.44 บาท เหนือจอง 16 สตางค์ หรือให้ผลตอบแทน 7.02% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 805 ล้านบาท

นายประกิต ประสิทธิ์ศุภผล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ PCE เปิดเผยว่า พร้อมเดินหน้านำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปเสริมศักยภาพการเติบโต โดยจะลงทุนขยายโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 60 ตันผลปาล์มสดต่อชั่วโมง เพิ่มเสถียรภาพในการจัดหาวัตถุดิบน้ำมันปาล์มดิบสำหรับนำเข้าสู่กระบวนการกลั่นต่อไป รวมทั้งลงทุนในเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อขยายกำลังการผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อใช้ในการบริโภคเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1 เท่าตัวเช่นเดียวกัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวัน โดยโรงงานทั้งสองแห่งเดินอัตราการใช้กำลังการผลิตไปแล้ว 80-90% ของกำลังการผลิตติดตั้ง ตลอดจนใช้เงินระดมทุนเพื่อยกระดับประสิทธิภาพกระบวนการผลิตให้ดียิ่งขึ้น รองรับการขยายตลาดในทุกภาคส่วนทั้งในประเทศและตลาดส่งออก พร้อมทั้งลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อใช้ในการวิจัย และพัฒนาต่อยอดเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์และสร้างโอกาสในตลาดใหม่ๆ ในอนาคต

ส่วนนายสมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ (APM) ที่ปรึกษาทางการเงิน เสริมว่า PCE ถือเป็นหุ้นที่มีจุดเด่นต่างจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มรายอื่น โดยมีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน (Supply Chain) ที่เสริมสร้างและสนับสนุนกันในแต่ละธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มดิบ โรงผลิตน้ำมันไบโอดีเซล โรงผลิตน้ำมันปาล์มโอเลอีนเพื่อการบริโภค โรงไฟฟ้าก๊าซชีวมวล การให้บริการคลังสินค้าและท่าเทียบเรือ การให้บริการขนส่งสินค้าทางรถและทางเรือ อีกทั้งมีการบริหารความเสี่ยง ทั้งการจัดหาวัตถุดิบ การบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้มีมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ส่งผลให้มีความสามารถในการทำกำไรเหนือคู่แข่ง และยังมีศักยภาพในการแข่งขันสูง ยิ่งการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยให้บริษัทฯ มีเงินทุนขยายธุรกิจเกี่ยวเนื่องได้สอดคล้องกับทิศทางการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นความต้องการใช้น้ำมันไบโอดีเซล (B100) หรือการเป็นส่วนผสมสำคัญในสินค้าอุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันหลายประเภท เช่น เครื่องสำอาง อาหาร ยา สบู่ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) น้ำมันปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPO) น้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) หรือน้ำมันปาล์มโอเลอีน (RBDOL) ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของกลุ่มบริษัทฯ ในอนาคต

ขณะที่นางสาวนลิน วิริยะเสถียร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ ประเทศไทย (MST) และนายพายุพัด มหาผล กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า ประเทศไทย (YUANTA) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม ชี้ว่า การที่ความต้องการน้ำมันปาล์มทั่วโลกมีแนวโน้มจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% และอาจสูงถึง 13% ต่อเนื่องถึงปี 2573 และประเทศไทยกำลังกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันปาล์มที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก แซงหน้ามาเลเซีย และอินโดนีเซีย ทำให้ PCE ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี จนก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจร น่าจะได้รับอานิสงค์ตามไปด้วย ยิ่งบริษัทฯ ได้แรงหนุนจากภาวะเอลนิโญคลายตัว สัญญาขาย B100 ฉบับใหม่ การปรับ Product Mix และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต รวมถึงมีปัจจัยบวกเพิ่มจากการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก และนโยบายดีเซล B40 ของอินโดนีเซีย ทำให้คาดว่า บริษัทฯ จะมีศักยภาพการเติบโตของกำไรปกติเฉลี่ย (CAGR) ปีละ 25% ตั้งแต่ปีนี้ จนถึงปี 2569 ทำให้ราคาเหมาะสมควรจะอยู่ที่ 3.50-3.60 บาท  

 

 

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้