4759 จำนวนผู้เข้าชม |
นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย (TATG) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing) และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ หรือราคาพาร์ที่หุ้นละ 1 บาท เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ภายในครึ่งหลังปีนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปชำระคืนหนี้สถาบันการเงิน ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรใหม่ที่ทันสมัย และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำธุรกิจแม่พิมพ์โลหะและชิ้นส่วนรถยนต์ในภูมิภาคเอเชีย
สำหรับจุดเด่นของ TATG อยู่ที่ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกว่า 30 ปี ที่สั่งสมจากการพัฒนาบุคลากร ควบคู่กับการยกระดับเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัยทัดเทียมกับผู้ผลิตในญี่ปุ่น และระบบจัดการด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพ ทำให้สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบความต้องการของลูกค้าได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นด้านคุณภาพ ด้านต้นทุน หรือการส่งมอบงานตามกำหนด จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ผลักดันให้รายได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จาก 2,547.60 ล้านบาท ในปี 2564 เพิ่มเป็น 2,922.47 ล้านบาท และ 3,002.91 ล้านบาท ในปี 2565 และปี 2566 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมานำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากต่างประเทศ ในปี 2565 และ 2566 และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนขายและบริการในอัตราที่สูงกว่าการเพิ่มขึ้นของรายได้ มีผลให้กำไรจากการดำเนินงานปรับตัวลดลงจาก 164.55 ล้านบาท ในปี 2564 มาอยู่ที่ 108.16 ล้านบาท และ 47.87 ล้านบาท ในปี 2565 และ 2566 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของกลุ่มบริษัทฯ เพื่อผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แม่พิมพ์โลหะ และเครื่องมือสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีหุ่นยนต์และเครื่องจักรอัตโนมัติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต ทำให้ผลดำเนินงานครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ พลิกจากขาดทุน 2.97 ล้านบาท มาเป็นกำไร 45.87 ล้านบาท ทั้งที่รายได้จากการขายและบริการจะลดลงจากครึ่งแรกปีก่อน 8.65% มาอยู่ที่ 1,339.69 ล้านบาท เนื่องจากการปรับตัวดีขึ้นทั้งกำไรจากการขาย และกำไรจากการบริการ และการลดลงค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร สะท้อนการฟื้นตัวของธุรกิจอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ส่วน ดร. พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร TATG เสริมว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มศักยภาพการทำธุรกิจให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น และมีความพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มขั้น ยกระดับการเป็นผู้นำด้านการออกแบบและสร้างแม่พิมพ์โลหะ (Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) และชิ้นส่วนยานยนต์ (Automotive Press Parts) ที่เป็นของคนไทย 100% ให้เป็นที่ยอมรับในภูมิภาคเอเชีย สามารถเติบโตไปด้วยกันกับลูกค้าอย่างยั่งยืน
ปัจจุบัน TATG ทำธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องมือสำหรับอุตสาหกรรมรถยนต์ (Tooling) ครอบคลุมถึงการออกแบบและผลิตแม่พิมพ์สำหรับการปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Stamping Dies) อุปกรณ์จับยึดเพื่อการตรวจสอบ (Checking Fixtures) และอุปกรณ์จับยึดเพื่อการประกอบ (Assembly Jigs) ผ่านบริษัทย่อย ไทย ออโต ทูลส์ ปทุมธานี (TATP) และผลิตชิ้นส่วนรถยนต์แบบปั๊มขึ้นรูปโลหะ (Automotive Press Parts) ผ่านบริษัทฯ และ 2 บริษัทย่อย ประกอบไปด้วย บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ ชลบุรี (TATC) และไทย ออโต ทูลส์ อีสเทิร์น (TATE)