ttb กำไรไตรมาสสองตามคาด 5.35 พันล้านบาท ทรงตัว QoQ เพิ่ม 17% YoY  

1939 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ttb กำไรไตรมาสสองตามคาด 5.35 พันล้านบาท ทรงตัว QoQ เพิ่ม 17% YoY  


บมจ. ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือทีเอ็มบีธนชาต (ttb) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 5.35 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.0% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และทรงตัวใกล้เคียงไตรมาสแรก (QoQ) ตามคาด ขณะที่งวดครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 1.06 หมื่นล้านบาท หนุนจากการรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษีเป็นหลัก เสริมด้วยการบริหารความเสี่ยงและต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในด้านต้นทุนทางการเงิน ธนาคารมีการบริหารพอร์ตสินทรัพย์และหนี้สินเชิงรุกหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการจัดสมดุลของเงินฝากให้สอดคล้องกับแนวโน้มสินเชื่อ การปรับระยะเวลาของพอร์ตเงินลงทุนเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนและทิศทางดอกเบี้ย หรือการปรับพอร์ตตราสารหนี้ให้เหมาะสมกับสภาพคล่องส่วนเกิน ทำให้ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารได้ใช้สิทธิไถ่ถอนตราสารหนี้ที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 ก่อนครบกำหนด วงเงิน 30,000 ล้านบาท เนื่องจากประเมินแล้วว่าจะเป็นผลดีต่อการบริหารต้นทุนของธนาคาร ส่งผลให้อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้สำหรับช่วงครึ่งปีแรกลดลงจาก 44% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 42%

ขณะที่คุณภาพสินทรัพย์สามารถควบคุมได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ เมื่อสามารถควบคุมหนี้เสีย (NPLs) ให้อยู่ในระดับ 2.64% ใกล้เคียงสิ้นปีก่อน ถึงแม้จะเพิ่มขึ้นจาก 2.56% ในไตรมาสแรก สอดคล้องไปกับแผนชะลอการปล่อยสินเชื่อโดยรวมที่ลดลง 1.4% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) และลดลง 2.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) มาอยู่ที่ 1.244 ล้านบาท แต่หันมามุ่งเน้นขยายสินเชื่อกลุ่มคนมีบ้าน กลุ่มคนมีรถ และกลุ่มพนักงานเงินเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูง ช่วยหนุนการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยให้ลดลงเล็กน้อย 0.2% QoQ แต่เพิ่มขึ้น 8.2% YoY มาอยู่ที่ 2.10 หมื่นล้านบาท โดยสินเชื่อบ้านแลกเงิน ยังขยายตัวในระดับเดียวกับสินเชื่อบุคคล ที่เติบโต 7% ส่วนสินเชื่อรถแลกเงิน เติบโต 5% ควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือลูกค้าผ่านการปรับโครงสร้างหนี้คิดเป็นมูลค่าสินเชื่อประมาณ 11% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ขณะที่จำนวนลูกค้าภายใต้โครงการรวบหนี้ เพิ่มจาก 17,000 ราย สิ้นปีก่อน มาเป็น 25,000 ราย ช่วยแบ่งเบาภาระดอกเบี้ยของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวได้กว่า 1,700 ล้านบาท

สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ลดลง 8.2% YoY คิดเป็นมูลค่า 6.46 พันล้านบาท ตามการชะลอตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ ประกอบกับกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนลดลง  

และเพื่อรองรับความผันผวนที่อาจกระทบต่อคุณภาพสินเชื่อในอนาคต ธนาคารได้ตั้งสำรองพิเศษไตรมาสละ 5.1-5.2 พันล้านบาท คิดเป็นวงเงินรวมครึ่งปีแรกเฉียด 1.04 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.0% YoY ส่งผลให้อัตราส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage ratio) ปรับขึ้นมาที่ 159%

ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง ลดลงจากไตรมาสแรก และสิ้นปีก่อนที่ยืนระดับ 20.7-20.8% มาอยู่ที่ 19.5% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ที่ระดับ 17.1% และ 2.4% ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด  

โอกาสนี้ นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ttb บอกว่า ผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และสะท้อนให้เห็นว่าธนาคารสามารถรับมือกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีความท้าทายและสร้างแรงกดดันต่อทั้งด้านรายได้และด้านคุณภาพสินทรัพย์ได้เป็นอย่างดี สำหรับช่วงที่เหลือของปี ธนาคารยังเน้นย้ำแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างรอบคอบ เนื่องจากเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอนสูง โดยพร้อมเดินหน้าให้ความช่วยเหลือลูกค้าตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) และการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนของภาครัฐ ควบคู่ไปกับการสานต่อพันธกิจที่มีต่อผู้ถือหุ้นในการสร้างการเติบโตอย่างมีคุณภาพและส่งมอบผลตอบแทนอย่างยั่งยืนในระยะยาว 




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้