BBL กำไรสุทธิไตรมาสสองเกินคาด 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 12.2% QoQ และ 4.5% YoY แต่คุณภาพสินทรัพย์แย่ลง

1894 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BBL กำไรสุทธิไตรมาสสองเกินคาด 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่ม 12.2% QoQ และ 4.5% YoY แต่คุณภาพสินทรัพย์แย่ลง


บมจ. ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 2 ปี 2567 มีกำไรสุทธิ 1.18 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.2% จากไตรมาสแรก (QoQ) และเพิ่มขึ้น 4.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) สูงกว่าตลาดคาด 10% เพราะมีกำไรจากกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินสูงถึง 2.4 พันล้านบาท หนุนจากเงินปันผลในเงินลงทุน ประกอบกับสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลับมีการตั้งสำรองเพิ่ม 1.0 หมื่นล้านบาท สูงกว่าที่ตลาดคาด  

สำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก มีกำไรสุทธิ 2.23 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% YoY ปัจจัยหลักจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 8.1% ตามการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อลูกค้ากิจการต่างประเทศ และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ ถึงแม้ต้นทุนเงินฝากจะเพิ่มขึ้น และกดดันให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในไตรมาส 2 ลดลงเล็กน้อย QoQ แต่ยังรักษาระดับได้ที่ 3.05% อีกทั้งค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานยังปรับลดลงจาก 47% เหลือ 45.6% จากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น จากบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวมที่ยังคงเติบโตดี ช่วยชดเชยกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลงตามสภาวะตลาดได้  

ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิด อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท สอดคล้องกับการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น 1.8% จากสิ้นปีก่อน เป็น 2.719 ล้านล้านบาท ขณะที่หนี้เสีย (NPLs) เพิ่มจาก 3.0% ในไตรมาสแรก เป็น 3.2% ส่วนใหญ่เกิดจากลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต และกลุ่มก่อสร้าง แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และสอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงการควบคุมอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิต (Coverage ratio) อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 282.5% ผลจากการยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับรักษาสมดุลของอัตราส่วนเงินกองทุน โดยควบคุมอัตราส่วนเงินกองทุนได้ที่ 19.5% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ที่ระดับ 16.1% และ 3.4% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 

สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง ธนาคารจะยังคงมุ่งเน้นส่งเสริมการพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการปรับตัวของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สนับสนุนการสร้างพันธมิตรในระบบนิเวศทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ในกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสนับสนุนลูกค้าให้ได้ประโยชน์จากโอกาสในการขยายกิจการไปยังต่างประเทศ ภายใต้หลักการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending) โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบต่อสังคมและการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้