3418 จำนวนผู้เข้าชม |
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (CGSI) เปิดแผนธุรกิจและกลยุทธ์กับก้าวใหม่ในตลาดทุนไทย พร้อมเดินหน้ารุกธุรกิจวาณิชธนกิจ กองทุนส่วนบุคคล หุ้นกู้อนุพันธ์ และบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของบริษัทแม่ China Galaxy Securities (CGS) เป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือระหว่างระหว่างจีนกับอาเซียน
นางแครอล ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม CGSI เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนระดับโลกของเอเชีย สานต่อกลยุทธ์เพื่อนำกลุ่มบริษัทฯ ไปสู่ธุรกิจที่มีความหลากหลายและเติบโตอย่างยั่งยืน ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ที่สามารถบรรลุข้อตกลงสำหรับดีลวาณิชธนกิจมากกว่า 40 รายการ ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ในจำนวนนี้เป็นดีลของทีมงานประเทศไทยถึง 34 รายการ ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่กลุ่ม CGSI พร้อมมอบบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า
นอกจากนี้ กลุ่ม CGSI ยังมีแผนเข้าไปให้บริการกับกลุ่มธุรกิจจีนในไทยเพิ่ม หลังจากหลายปีที่ผ่านมา มีธุรกิจจีนเข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยมากกว่า 5 ปี ด้วยผลประกอบการที่สูงเกิน 500 ล้านบาทหลายราย และมีศักยภาพที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้มีโอกาสที่จะเข้าไปให้บริการกับกลุ่มธุรกิจจีนในไทย โดยกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการเพื่อให้เป็น One Stop Service Provider ซึ่งคาดว่าจะมีควมชัดเจนภายในปีนี้
ขณะที่นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGSI กล่าวเสริมว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าเชิงรุกขยายธุรกิจในตลาดทุนไทยไปพร้อมกับบริษัทแม่ ที่เป็นผู้นำธุรกิจหลักทรัพย์อันดับ 2 ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ด้วยจำนวนสาขากว่า 500 แห่งทั่วประเทศ และยังมีเครือข่ายในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ที่พร้อมช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งให้กับซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุน ได้อย่างหลากหลาย ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนได้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) หุ้นกู้อนุพันธ์ (Structure note) และบริการการซื้อขายหุ้นในตลาดที่น่าสนใจ ทั้งในภูมิภาคอาเซียน ฮ่องกง อินเดีย เกาหลีใต้ อังกฤษ และอเมริกา ด้วยความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญของกลุ่ม CGSI ช่วยอำนวยความสะดวกและสร้างความสำเร็จให้ลูกค้า และเติมเต็มความมั่งคั่งในระยะยาว
เบื้องต้น CGSI ตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งตลาดจากปัจจุบันที่ 4.1% ครองอันดับ 8 ขึ้นเป็น Top 5 ในปีหน้า ผ่านการขยายสัดส่วนลูกค้าสถาบันเพิ่ม โดยเร็วๆ นี้น่าจะปิดดีลได้ 2-3 ราย
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจปีนี้ น่าจะเห็นความโดดเด่นจากธุรกิจวาณิชธนกิจเป็นหลัก เพราะมีดีลนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่น้อยกว่า 10 บริษัท ส่วนธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด แต่ประเมินว่า การลงทุนหุ้นต่างประเทศ จะมีความโดดเด่นกว่าหุ้นไทย