4742 จำนวนผู้เข้าชม |
นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) หนึ่งในผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวในประเทศ เปิดเผยผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ว่า มีรายได้รวมที่ 4,406 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลังจากงวดไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาส 3 ปีก่อน ทั้งที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,498 ล้านบาท ใกล้เคียงกัน สาเหตุจากยอดขายทุกผลิตภัณฑ์เติบโตเพิ่มขึ้นทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การทำตลาด ทั้งการปรับโฉมสินค้า การออกผลิตภัณฑ์ใหม่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการออกภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ๆ เพื่อสื่อสารกับกลุ่มผู้บริโภคอย่างตรงจุด
สำหรับแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีนี้ ซึ่งเป็น High season ของธุรกิจเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยว บริษัทฯ พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ประเดิมด้วย Jele Chewy Jelly Ice และต่อเนื่องด้วย Bento 2 รสชาติใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มเติมจากสินค้าเดิมที่วางจำหน่ายในทุกช่องทาง ช่วยหนุนให้รายได้และกำไรเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก และทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) อีกครั้ง
มุมมองของผู้บริหาร ได้รับการขานรับจากนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ว่า มีความเป็นไปได้สูง โดยยอดขายมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้น YoY และ QoQ โดยเฉพาะตลาดที่เติบโตต่ำกว่าคาดในไตรมาส 3 ทั้งตลาดในประเทศ และตลาดภูมิภาคอินโดจีน (CLMV) ซึ่งเป็นตลาดหลักในต่างประเทศ หนุนด้วยตลาดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ CLMV ซึ่งมีสัญญาณสดใสในไตรมาส 3 ขานรับเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปี และโรงงานเวียดนามเดินเครื่องผลิตครบทุกไลน์การผลิตสินค้า ช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้นจากที่ทำได้ 28.8% ทำสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ในไตรมาส 3 ผลักดันให้ผลดำเนินงานทั้งปีเติบโตทำ New High ตามไปด้วย
โดยอินโนเวสท์ เอกซ์ (InnovestX) และกรุงศรี พัฒนสิน (KCS) คาดกำไรสุทธิปีนี้ใกล้เคียงกันที่ 650 ล้านบาท เติบโต 26% YoY ก่อนเติบโตต่อเนื่องปีหน้า 13% และ 16% เป็น 735 ล้านบาท และ 756 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 24.80 บาท อิง PER ที่ 32.4 เท่า และ 21.30 บาท อิง PER ที่ 24 เท่า ตามลำดับ
ส่วนเอเซีย พลัส (ASPS) และหยวนต้า (YUANTA) ประเมินกำไร 2 ปีไว้สูงกว่า โดย ASPS คาดกำไรปีนี้ที่ 670 ล้านบาท และปีหน้า 825 ล้านบาท ขณะที่ YUANTA คาดกำไรปีนี้ที่ 649 ล้านบาท และปีหน้า 744 ล้านบาท คำนวณราคาเหมาะสมได้ 26 บาท และ 25.25 บาท สูงกว่าค่าเฉลี่ยใน IAA Concencus ที่ให้ไว้ 24.14 บาท
ประการสำคัญ การที่ราคาหุ้นปรับลดลงมาตลอด 2 เดือนนี้ ถือได้ว่าตอบรับการที่ยอดขายไตรมาส 3 เติบโตต่ำไปแล้ว ทั้งที่แนวโน้มกำไรยังเติบโตเป็นเลข 2 หลักได้ ทำให้มีความน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาว