2937 จำนวนผู้เข้าชม |
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) เปิดเผยว่า เพื่อเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์สร้างการเติบโต บริษัทฯ เตรียมทุ่มงบประมาณ 7,789 ล้านบาท เข้าลงทุนในธุรกิจโรงแรม พลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก ซึ่งเป็นอาคารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ และมีชื่อเสียงยาวนาน ทั้งจากการได้รับเลือกให้เป็นสถานที่ต้อนรับบุคคลสำคัญระดับโลกจากนานาประเทศ และยังได้รับรางวัลต่างๆ มากมายอย่างต่อเนื่อง จนได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในโรงแรมที่ดีที่สุดในมหานครนิวยอร์ก อีกทั้งยังเป็นทรัพย์สิน Freehold ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพสุดพิเศษของเมือง ทำให้การลงทุนครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญของ AWC ในการนำศักยภาพด้านการพัฒนาโครงการระดับโลกของบริษัทฯ ไปสู่ตลาดที่มีความมั่นคงสูง เพื่อผลักดันการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังจะมีการยกระดับความร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง Nobu Hospitality ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ได้รับรางวัลแบรนด์ที่ดีที่สุดในอเมริกา มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และยังมีวิสัยทัศน์ด้านธุรกิจและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเช่นเดียวกับบริษัทฯ ร่วมกันสร้างโรงแรมระดับไอคอนิก 2 แห่ง ภายใต้แบรนด์พลาซ่า แอทธินี เชื่อม 2 มหานครคือ โรงแรม พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา นิวยอร์ก (Plaza Athenee Nobu Hotel and Spa New York) ที่จะพัฒนาจากอาคารของโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก และโรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก (The Plaza Athenee Nobu Hotel and Spa Bangkok) ซึ่งจะพัฒนาจากอาคาร East Asiatique Company ที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากว่าศตวรรษ มารังสรรค์ความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้ง 2 โรงแรม และอยู่ในทำเลที่ตั้งที่ดีที่สุดของเมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางของโลก สร้างมิติใหม่ให้กับอุตสาหกรรมโรงแรมและการบริการระดับลักซ์ชูรี่ โดยมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2569
อย่างไรก็ตาม การลงทุนครั้งนี้ ยังต้องขอความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น AWC ตามขั้นตอนก่อน ซึ่งเชื่อมั่นว่า ผู้ถือหุ้นจะมีมติอนุมัติแผนลงทุนครั้งนี้ เพราะการพัฒนาโรงแรมที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นใน 2 มหานครของโลกร่วมกับ Nobu Hospitality ครั้งนี้ จะเป็นการผนึกความพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ของโรงแรมทั้ง 2 แห่ง พร้อมทั้งเสริมความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ พลาซ่า แอทธินี ที่มีประวัติศาสตร์อย่างยาวนาน และมีเพียงไม่กี่แห่งในโลก และเมื่อผสานกับแบรนด์ Nobu ที่มีสไตล์หรูหราแบบโมเดิร์นแล้ว จะสามารถสร้างผลิตภัณฑ์การบริการที่น่าประทับใจที่สุดของโรงแรมระดับอัลตร้าลักซ์ชูรี่ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ถือเป็นโครงการที่เป็นเรือธง (Flafship) ที่จะช่วยผลักดันผลดำเนินงานให้แข็งแกร่งมากขึ้น และมีความยั่งยืน