BEAUTY ลั่น ปีนี้พลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตั้งเป้ารายได้ 620 ล้านบาท โต 68%

2613 จำนวนผู้เข้าชม  | 

BEAUTY ลั่น ปีนี้พลิกมีกำไรครั้งแรกในรอบ 3 ปี ตั้งเป้ารายได้ 620 ล้านบาท โต 68%

 

ดร.พีระพงษ์  กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและบำรุงผิว ภายใต้แนวคิด Live a Beautiful Life เปิดเผยกลยุทธ์การทำธุรกิจปีนี้ว่า จะมุ่งเน้นการเพิ่มยอดจำหน่ายทุกช่องทาง ทั้งธุรกิจค้าปลีก และธุรกิจเทรดดิ้ง อย่างเต็มตัว ให้สอดรับกับการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างโดดเด่น โดยตั้งเป้ารายได้เติบโตจากปีก่อน 68% มาอยู่ที่ 620 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 4%

โดยธุรกิจค้าปลีก (Retail Business) ในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 52% บริษัทฯ พร้อมปรับโมเดลธุรกิจให้มีประสิทธิภาพการทำกำไรมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสาขา BEAUTY BUFFET SHOP ให้สามารถขายสินค้าสู่ร้านค้าทั่วไปได้ หรือปรับรูปแบบร้านค้าใหม่ให้มีขนาดเล็กลง แต่มีศักยภาพในการขายมากขึ้น โดยตั้งเป้าเพิ่มสาขาใหม่ 10 สาขา หลังจากการเปิดสาขารูปแบบใหม่จำนวน 10 แห่ง ก่อนหน้านี้ มีกระแสตอบรับดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายเติบโตทุกจุดจำหน่าย

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมขยายช่องทางการขายรูปแบบใหม่ โดยให้สิทธิ์การเปิดร้านค้า (Shop License) แบบ KIOSK License กับผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้สามารถกระจายสาขาให้ครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า เน้นโลเคชั่นในห้างสรรพสินค้าและย่านการค้าที่ใกล้แหล่งชุมชนและแหล่งทำเลการค้าต่างๆ จำนวน 10 แห่ง

 



สำหรับช่องทาง E-Commerce จะมีการขยายแพลตฟอร์มการเข้าถึงสินค้าให้มีความหลากหลาย ทั้งเว็บไซต์บริษัทฯ Market Place ชั้นนำ และ Social Media ที่มีศักยภาพ เพื่อให้สามารถตอบความต้องการของลูกค้าได้ทุกช่องทาง พร้อมทั้งปรับปรุงระบบบริหารจัดการข้อมูลลูกค้าให้สามารถสั่งซื้อง่าย และได้รับสินค้าถูกต้อง รวดเร็ว และเพิ่มความสามารถในการนำเสนอสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ผ่านการจัดกิจกรรมการตลาด โปรโมชั่นต่างๆ ร่วมกับพันธมิตร ควบคู่ไปกับการสื่อสารการตลาดด้วยภาพลักษณ์ใหม่ ผ่านพรีเซนเตอร์ที่หลากหลาย อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อสินค้าให้รวดเร็วขึ้น

ขณะที่ตลาดต่างประเทศ ที่มีสัดส่วนรายได้กว่า 29% จะเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ มากขึ้น พร้อมพัฒนาโมเดลการขายใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร เพื่อให้ตัวแทนจำหน่ายใน 13 ประเทศ ทั้ง จีน ซาอุดิอาระเบีย ฮ่องกง ไต้หวัน อินโดนีเซีย เวียดนา กัมพูชา พม่า ลาว มาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย และญี่ปุ่น สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งขายปลีกให้ผู้บริโภค และขายส่งให้ร้านค้าได้ง่าย เพิ่มโอกาสการขายให้สูงขึ้น ควบคู่ไปกับการขยายตลาดตะวันออกกลางเชิงรุกมากขึ้น

 



ส่วนธุรกิจเทรดดิ้ง (Trading Business) ที่มีสัดส่วนรายได้ราว 19% พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายผ่าน Moderntrade ทั้ง แมคโคร, 7-11, แฟมิลี่มาร์ท และเพียวฟาร์มาซี โดยตั้งเป้าจุดจำหน่ายสินค้ารวมมากกว่า 7,700 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่ช่องทางจำหน่ายผ่านร้านค้าตัวแทนขาย 4,385 ร้านค้า พร้อมเพิ่มจำนวนสินค้าวางจำหน่ายเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย

พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ได้มีการปรับโครงสร้างธุรกิจให้มีประสิทธิภาพการดำเนินงานมากขึ้น และควบคุมต้นทุนในการบริหารและการขายให้อยู่ในระดับคงที่ ทำให้เชื่อมั่นว่าจะสามารถพลิกฟื้นผลดำเนินงานจากที่ขาดทุนต่อเนื่อง 3 ปีก่อนหน้านี้ มาเป็นกำไรได้



เบื้องต้น ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย (KS) บอกว่า แนวทางการปรับโครงสร้างธุรกิจตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ด้วยการปิดร้านค้า 100 แห่ง ลดพนักงานลงจาก 1,000 คน เป็น 200 คน และเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจจากร้านค้าของตัวเอง เป็นการฝากขายและจัดจำหน่ายทางออนไลน์ เห็นผลสำเร็จค่อนข้างล่าช้า ทำให้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ และปีหน้าลงจากเดิม 95.6% และ 7.3% มาที่ 554 ล้านบาท และ 996 ล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีต่อผลิตภัณฑ์ครีม Milk Plus และการกลับมาเปิดร้านใหม่ ซึ่งน่าจะหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 52.2% และ 53.5% สอดคล้องกับแนวทางของผู้บริหาร

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ฯ ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความสำเร็จที่เป็นไปได้ของกลยุทธ์การเจาะตลาดจีน และการที่บริษัทฯ มุ่งความสนใจไปที่ Product Champion เพียงอย่างเดียว ว่าจะผลักดันให้รายได้เติบโตตามเป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งไว้ได้หรือไม่ จึงให้ราคาเป้าหมายที่ 1.52 บาท

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้