ส่อง CHAYO ปีนี้กำไรโดดเด่น มีลุ้นพอร์ตสินเชื่อแตะ 1 แสนล้านบาท

บมจ. ชโย กรุ๊ป (CHAYO) ผู้ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ธุรกิจเจรจาติดตามเร่งรัดหนี้สิน ธุรกิจปล่อยสินเชื่อ และกิจการศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า รายงานผลการดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีที่ผ่านมา เติบโตสูงสุดรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (Highest Quarterly Profit) โดยมีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท เติบโต 139.9% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ผลดำเนินงานรอบปีที่ผ่านมา มีกำไรสุทธิ 274.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.60% จากปีก่อนหน้า ขยายตัวตามรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น 38.7% มาเป็น 999.21 ล้านบาท หนุนจากรายได้ที่เกิดจากการปล่อยสินเชื่อเติบโตก้าวกระโดด โดยมีรายได้จากการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นถึง 448.64% ส่งผลให้ยอดลูกหนี้เงินให้กู้ยืมทั้งปี เพิ่มจาก 338.6 ล้านบาท ในปีก่อนหน้า ขึ้นมาอยู่ที่ 647.42 ล้านบาท ขณะที่มูลหนี้คงค้างสิ้นปีนี้ผ่านมา เพิ่มขึ้นมาเป็น 83,467 ล้านบาท

โอกาสนี้ บริษัทฯ พร้อมจ่ายปันผลจากกำไรสะสม เป็นหุ้นปันผลและเงินสด โดยกำหนดอัตราการจ่ายหุ้นปันผล 50 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล คิดเป็นการจ่ายปันผลหุ้นละ 0.010 บาท ขณะที่เงินปันผลอยู่ที่หุ้นละ 0.0011111 บาท คิดเป็นอัตราการจ่ายปันผลรวมในอัตราหุ้นละ 0.0111111 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 8 พฤษภาคม และกำหนดวันจ่ายปันผลวันที่ 26 พฤษภาคมนี้

สำหรับแผนดำเนินงานปีนี้ ได้รับการชี้แจงจากนายสุขสันต์ ยศะสินธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHAYO ว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อแตะระดับ 100,000 ล้านบาท ใน 1-2 ปีนี้ ขณะที่รายได้จะเติบโตไม่น้อยกว่าปีละ 25% หนุนจากสถานการณ์หนี้เสียที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้สถาบันการเงินทั้ง Bank และ Non-Bank ทยอยขายหนี้ออกมามากกว่าปีก่อน เห็นผลตั้งแต่เดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปแล้ว เมื่อเริ่มมีการนำหนี้ด้อยคุณภาพราว 3-4 หมื่นล้านบาท ออกมาประมูลขายแล้ว ซึ่งบริษัทฯ ได้วางงบลงทุนประมาณ 2-3 พันล้านบาท สำหรับซื้อหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มไม่น้อยกว่า 1.0-1.6 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการหาโอกาสลงทุนใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นธุรกิจใกล้เคียงกับธุรกิจหลัก และธุรกิจนอกเหนือจากธุรกิจหลัก คาดว่าจะได้ข้อสรุปอย่างน้อย 1 ดีล ไม่เกินกลางปีนี้

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ มองบวกต่อธุรกิจ จากสถานการณ์การขายหนี้ และต้นทุนการเข้าซื้อหนี้จากสถาบันการเงินที่เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ช่วยหนุนให้ผลดำเนินงานของ CHAYO ใน 2-3 ปีข้างหน้าเติบโตดี รวมทั้งมีโอกาสที่จะขายทรัพย์ NPA ขนาดใหญ่และกลางเพิ่มขึ้นในช่วงเศรษฐกิจที่ดี

ดาโอ (DAOL) คงกำไรสุทธิปีนี้ที่ 413 ล้านบาท (+64% YoY) จากการเข้าซื้อหนี้เสียเพิ่มตามปริมาณหนี้เสียในระบบที่คาดจะเพิ่มขึ้น รวมถึงมีการรับรู้กำไรจากการขายทรัพย์ขนาดกลางเพิ่มขึ้น และรับรู้ค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น จากการตั้งสำรองกองหนี้เสียที่ไม่มีหลักประกันสูงขึ้น ซึ่งปกติจะเริ่มรับรู้ค่าใช้จ่ายสำรองภายหลังการซื้อหนี้ที่ 6 เดือน หรือเริ่มรับรู้ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทฯ อาจไม่มีทรัพย์ NPA ขนาดใหญ่ ที่สามารถขายได้อย่างเด่นชัดในปีหน้า ทำให้คาดการณ์ผลดำเนินงานปีหน้า อาจอ่อนตัวลง 8% YoY เป็น 379 ล้านบาท และแนะนำ ซื้อ โดยให้ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท อิง P/BV ปีนี้ ที่ 2.8 เท่า (เทียบเท่า -0.5 SD below 5-yr average P/BV) 

แต่เนื่องจากบริษัทฯ ประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสด และหุ้นปันผล ในสัดส่วน 50 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ส่งผลให้ราคาเป้าหมาย หลัง XD จะ dilute  เป็น 10.80 บาท

ด้านทรีนีติ้ (TNITY) คาดกำไรปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด ถึง 107% YoY เป็น 519 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้ที่เกิดจากการขายที่ดิน จ.พังงา หลังศาลมีคำตัดสินยกฟ้องในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ขณะที่ผลดำเนินงานปกติคาดจะเติบโตดีเช่นกัน ตามยอดจัดเก็บจาก NPL และการให้บริการเร่งรัดหนี้สินที่ดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และการขยายสินเชื่อที่คาดเติบโตเกือบเท่าตัวจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 11.70 บาท 

ส่วนกสิกรไทย (KS) ชี้ว่า ชอบ CHAYO จากความโดดเด่นของแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง ความยืดหยุ่นในการจัดการ NPL ทั้งแบบไม่มีหลักประกันและมีหลักประกัน และศักยภาพในการเป็นผู้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการร่วมทุนกับธนาคารพาณิชย์ เมื่อเทียบกับบริษัทอื่น อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นปรับขึ้นใกล้ราคาเป้าหมายที่ 10.10 บาท จึงแนะนำ รอซื้อเมื่ออ่อนตัว