ยังไม่ใช่จังหวะซื้อ PTTEP แรงกดดัน Recession รุมเร้าระยะสั้น ราคาขายหด ยอดขายทรง กดกำไรทั้งปีลด

3153 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ยังไม่ใช่จังหวะซื้อ PTTEP แรงกดดัน Recession รุมเร้าระยะสั้น ราคาขายหด ยอดขายทรง กดกำไรทั้งปีลด


หลังจาก บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือ ปตท. สผ. (PTTEP) รายงานผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายปีก่อน มีกำไร 1.56 หมื่นล้านบาท เติบโต 47% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 35% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งดีกว่าที่ตลาดคาด สาเหตุจากหลักๆ จากการบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์และค่าใช้จ่ายทางภาษีน้อยกว่าคาด ขณะที่กำไรปกติสูงถึง 2.7 หมื่นล้านบาท (+122% YoY และ +13% QoQ) หนุนจากปริมาณขายปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้น (+19% YoY และ +5% QoQ) และราคาขายเฉลี่ยที่ดีขึ้น (+13% YoY และ -2% QoQ)

สำหรับผลดำเนินงานรวมทั้งปี เติบโตตามเป้าหมายที่บริษัทฯ วางไว้ โดยสามารถรักษาระดับต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ 28.36 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมียอดขายปิโตรเลียมเฉลี่ย (Sales volumes) 468,130 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน (+12% YoY) ตามปริมาณการผลิตจากโครงการต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ อย่างโครงการโอมานแปลง 61 โครงการมาเลเซีย แปลงเอช รวมถีงโครงการจี 1/61 ในประเทศด้วย ขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยทั้งปีปรับตัวสูงขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 339,902 ล้านบาท (เทียบเท่า 9,660 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) เพิ่มขึ้น 32% YoY และมีกำไรสุทธิ 70,901 ล้านบาท (เทียบเท่า 1,999 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ขยายตัว 82% YoY ทำสถิติสูงสุดใหม่

โอกาสนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 30 มกราคม มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปีที่ผ่านมา ในอัตราหุ้นละ 5 บาท คิดเป็นผลตอบแทนประมาณ 3% ขึ้นเครื่องหมาย XD วันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้ ก่อนจ่ายจริงวันที่ 24 เมษายนตามมา ทำให้ในรอบปีที่ผ่านมา PTTEP มีการจ่ายปันผลรวมหุ้นละ 9.25 บาท  

 


ผู้บริหาร PTTEP ย้ำด้วยว่า ปีนี้มีแผนเร่งเจาะหลุมผลิตเพิ่มอีก 273 หลุม ซึ่งคาดว่าจะสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุต ภายในกลางปีนี้ ก่อนเพิ่มเป็น 600 ล้านลูกบาศก์ฟุต ในปลายปีนี้ พร้อมคาดหมายว่า ในเดือนเมษายน 2567 อัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติจะกลับขึ้นมาอยู่ที่วันละ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุต

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ดังนั้น PTTEP จึงกำหนดกลยุทธ์ 3 แนวทางภายใต้กระแสเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการ
เตรียมทรัพยากรเพื่อรองรับอนาคต ได้แก่ Drive Value (การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจ) Decarbonize (ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593) และ Diversify (การเติบโตในธุรกิจใหม่ โดยกำหนดเป้าหมายกำไรสุทธิจากธุรกิจใหม่ 20% ของกำไรสุทธิของ PTTEP รวมภายในปี 2573)

ถึงแม้ผลดำเนินงานของ PTTEP ในปีที่ผ่านมาจะเติบโตแข็งแกร่ง แต่ภาพรวมปีนี้ กลับมีแรงกดดันจากทั้งราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง และปริมาณขายที่น่าจะทรงตัวหรือลดลง ฉุดให้กำไรปกติมีแนวโน้มชะลอตัวลง และนักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงานส่วนใหญ่ จะแนะนำแค่ "ถือ" 

 



เอเซีย พลัส (ASPS) คาดราคาขายก๊าซธรรมชาติปีนี้ จะปรับลดจาก 6.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ในปีก่อน เหลือเพียง 6.0-6.1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู ตามการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบ รวมถึงรับรู้โครงการ G1 และ G2 ซึ่งมีราคาขายตามสัญญา PSC ค่อนข้างต่ำราว 4.7 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อล้านบีทียู เต็มที่ทั้งปี ฉุดให้ค่าเฉลี่ยราคาขายปรับลดลง ขณะที่คาดยอดขายปิโตรเลียมจะทรงตัวจากปีก่อน วันละประมาณ 4.7 แสนบาร์เรล ส่งผลให้กำไรปกติอยู่ที่ 6.0หมื่นล้านบาท (-31.5% YoY) คิดเป็นมูลค่าพื้นฐานปีนี้ที่ 178 บาท อิงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปีนี้ และปี 67 ที่บาร์เรลละ 90 และ 75 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ ซึ่งเมื่ออิงตาม sensitivity ทุกการอ่อนตัวของราคาน้ำมันดิบ 10 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะส่งผลต่อราคาหุ้น 8 บาท และยังไม่ต้องรีบกลับเข้าไปซื้อ เพราะแรงกดดันราคาหุ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย (recession) ยังไม่หมด แต่หากถือหุ้นอยู่แล้วรอรับปันผลได้

ส่วนพาย (Pi) ประเมินกําไรสุทธิทั้งปีลดลงเพียง 8% YoY จากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง สอดคล้องกับที่ผู้บริหาร PTTEP ให้แนวทางราคาน้ำมันดิบดูไบในกรอบ บาร์เรลละ 75-90 ดอลลาร์สหรัฐฯ เทียบกับ 96.4 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีก่อน คิดเป็นมูลค่าพื้นฐานที่ 175 บาท พร้อมแนะนำ "ถือ" หรือ "รอซื้อเมื่ออ่อนตัว"

ขณะที่คิงส์ฟอร์ด (KINGSFORD) คาดกำไรสุทธิปีนี้ดีขึ้น 3% YoY จากค่าใช้จ่ายตั้งสำรองและการด้อยค่าสินทรัพย์ที่ลดลง แต่กำไรปกติคาดลดลง 20% YoY มาอยู่ที่ 7.3 หมื่นล้านบาท อิงสมมติฐานราคาน้ำมันดูไบเฉลี่ยปีนี้ ที่ 85 ดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลง 12%YoY โดยในครึ่งปีแรก ราคาขายจะยังดีอยู่ เพราะมี lag time ในการปรับลดลงช้ากว่าน้ำมันดิบ คิดเป็นราคาเป้าหมายที่ 176 บาท

สำหรับกสิกรไทย (KS) แนะนำ "ถือ" เช่นกัน เพราะราคาหุ้นมี upside จำกัดต่อราคาเป้าหมายที่ 172 บาท เพราะมีการปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าลง 1% และ 4% เป็น 6.32 หมื่นล้านบาท และ 6.01 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นจาก 35.0 บาท เป็น 33.75 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ และความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของโครงการโมซัมบิกที่ล่าช้าไป 2 ปี จากช่วงปลายปี 2567 เป็นปี 2570

สำหรับภาพระยะสั้น นักวิเคราะห์ทุกค่ายคิดตรงกันว่า กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้ของ PTTEP จะยังเติบโตแข็งแกร่ง QoQ จากการขาดหายไปของขาดทุนพิเศษครั้งเดียว แต่คาดกำไรปกติจะอ่อนตัวลง QoQ ตามปริมาณขายที่ลดลง 6% มาอยู่ที่ 1.8-2.0  หมื่นล้านบาท ตามปริมาณขายและราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้