LEO คิดการณ์ใหญ่ เข้าซื้อขายกระดานใหญ่ปีหน้า หลังฉายภาพ Growth stock ชัด เฉพาะปีนี้ ตั้งเป้า GPM โต 15-20%

นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ชี้แจงว่า การที่บริษัทฯ กำหนดพันธกิจในการทำธุรกิจว่า ต้องการจะก้าวขึ้นเป็นหุ้นบลูชิพตัวหนึ่งในตลาดหุ้นไทย ทำให้มีการขยายธุรกิจเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง และกระจายพอร์ตธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจโลจิกติกส์ (Logistics) และนอนโลจิกสติกส์ (Non Logistics) อย่างครบวงจร ผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียน เข้าข่ายหุ้นเติบโตสูง (Growth stock) ทำให้ถึงวันนี้ บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาส และศักยภาพการเติบโตในอนาคต จึงเตรียมย้ายกระดานซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) เป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปีหน้า  

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบริษัทฯ จะเริ่มรับรู้รายได้จากแผนขยายธุรกิจขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังประเทศจีนและลาว ร่วมกับบริษัท เบาไทย อินเด็กซ์ แอสโซซิเอท และบริษัท ศรีตรังโลจิสติกส์ ภายใต้ชื่อ บริษัท ล้านช้าง เอ๊กซ์เพรส เข้ามาช่วยต่อยอดรายได้จากการขนส่งสินค้าทางรถไฟร่วมกับ China Post และ Tengjun ได้มากขึ้น รวมถึงการเก็บเกี่ยวความสำเร็จจากแผนลงทุน ทั้งในรูปแบบร่วมลงทุน (JV) และซื้อกิจการ (M&A) ที่เกิดในปีก่อน และปีนี้อีกหลายโครงการ ตามแผนงานที่ตั้งเป้าขยายธุรกิจ Non-Freight และ Non Logistics ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงระดับ 40-45% เพื่อชดเชยอัตราค่าระวางที่ลดลงจากสถานการณ์โควิดช่วงก่อนหน้านี้ ทั้งแผนลงทุนธุรกิจ Logistics & Distribution Center ร่วมกับ ADVANTIS FREIGHT ซึ่งเป็นบริษัทระดับภูมิภาค (Regional Player) แผนลงทุนธุรกิจ Cold Chain Logistics Center ร่วมกับ บมจ. สหไทย เทอร์มินอล (PORT) แผนลงทุนธุรกิจ Self Storage และ Warehouse & Integrated Logistics Services ที่ทำกับบริษัท เอสเค แอสเซ็ท แมเนจเม้นท์ (SK Asset Management) ในเครือ บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) และการเปิดดำเนินการ Self Storage แห่งที่ 4 และลานเก็บตู้ Container แห่งที่ 2 

ซึ่งเมื่อรวมรายได้ทั้งหมดเข้ากับการขยายงานโลจิสติกส์ เชื่อว่า จะทำให้อัตรากำไรสุทธิ (Gross Profit Margin - GPM) ปีนี้เติบโตเพิ่ม 15-20% จากปีก่อน ผลักดันผลดำเนินงานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ (All Time high) ตอบโจทย์เรื่องการเป็นหุ้นเติบโต (Growth stock) อย่างเต็มตัว

ขณะเดียวกัน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน บริษัทฯ กำลังศึกษาแผนจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุนอีกหนึ่งแห่ง เพื่อขนส่งสินค้า Cold Chain ไปยังจีนทางรถไฟ เพื่อรองรับการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนที่มีปริมาณสูงถึงปีละ 420,000 ตัน และมีมูลค่าส่งออกกว่า 3.3 ล้านบาท โดยอาศัยจุดแข็งจากความพร้อมด้านเครือข่าย ระบบ และโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยให้สามารถแข่งขันได้ดีกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ และช่วยต่อยอดธุรกิจการเป็นตัวแทนซื้อสินค้าจากประเทศไทย ส่งให้กับ E-commerce Platform ของ China Post และ Tengjin ภายใต้บริษัท ลีโอ ซอร์สซิ่ง แอนด์ ซัพพลายเชน ที่ปัจจุบันมีคำสั่งซื้อสินค้าที่เป็นทุเรียนและผลไม้อื่นๆ เข้ามาเป็นจำนวนมากแล้ว

สำหรับธุรกิจกัญชง-กัญชาที่ได้ผนึกกำลังกับวิสาหกิจชุนชนสุขฤทัย และบริษัท แคนบิซ เชื่อว่า จะสามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นธุรกิจใหม่ และสร้างรายได้ได้ในอนาคตอันใกล้ ขณะที่แผนลงทุนใหม่ๆ ทั้ง JV และ M&A คาดว่าจะมีความชัดเจนในครึ่งแรกปีนี้ และน่าจะมีบทสรุปในไตรมาส 3 หลายโครงการ เพราะบริษัทฯ เริ่มมีการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศแล้ว โดยตั้งเป้าหมายรายได้ประมาณ 500-600 ล้านบาท ภายใน 3 ปีนี้  

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาการให้บริการขนส่งและกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Logistics) ในอนาคตอันใกล้นี้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้รถพลังงานไฟฟ้า การพัฒนาระบบการให้บริการแบบดิจิทัล เพื่อลดการใช้กระดาษ รวมถึงช่วยสนับสนุน Carbon Credit ให้กับลูกค้าของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าได้รับการยอมรับในการดำเนินธุรกิจระดับนานาชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG และการลด Carbon Footprint เป็นอย่างมาก