WARRIX เคาะราคา IPO ที่ 6.30 บาท ตามราคา Bookbuiding ดีเดย์ซื้อขายตลาด mai วันแรก 21 ธ.ค. นี้

นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย (PLS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บมจ. วอริกซ์ สปอร์ต (WARRIX) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 180 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25%  ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายเพิ่มทุน ในราคาหุ้นละ 6.30 บาท จากราคาพาร์ที่ 150 สตางค์ ผ่านบริษัทฯ และบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเทศไทย (DBSTH) ซึ่งเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นร่วม ระหว่างวันที่ 6 - 8 ธันวาคมนี้ คาดว่าจะสามารถเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 21 ธันวาคมนี้

ด้านนางสาวนลิน วิริยะเสถียร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ-ตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ประเทศไทย (DBSTH) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายร่วม ชี้แจงเพิ่มเติมว่า การกำหนดราคาเสนอขายสุดท้าย (Final Price) ที่ 6.30 บาท อ้างอิงจากผลการสำรวจความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ซึ่งมีความต้องการจองซื้อที่ราคาเสนอขายสูงสุดอย่างล้นหลามกว่า 7 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรแก่นักลงทุนสถาบัน สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ WARRIX ในฐานะผู้นำธุรกิจ Sport – Health & Lifestyle แบบครบวงจรของประเทศไทย

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบริษัทฯ มีจุดเด่นสำคัญ ทั้งการมีแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และเป็นผู้นำเทรนด์ในตลาดสินค้ากีฬา มีแนวทางผลักดันการเติบโตไปสู่ธุรกิจด้าน Health & Lifestyle ที่ชัดเจน และสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจการออกกำลังกายและดูแลสุขภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีแผนขับเคลื่อนธุรกิจที่ชัดเจนผ่าน Data Driven with Marketing Strategy เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน ตั้งแต่วางแผนการสั่งผลิต การกำหนดราคา ช่องทางการจัดจำหน่าย การส่งเสริมการขาย และการร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ ช่วยพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ มีมาตรฐานเทียบเท่าแบรนด์กีฬาระดับโลก รวมถึงผู้บริหารมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรและแบรนด์ด้วย ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนของธุรกิจ

โอกาสนี้ นายวิศัลย์ วนะศักดิ์ศรีสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WARRIX ชี้แจงถึงวัตถุประสงค์ในการระดมทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่า จะนำเงินไปใช้ขยายการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ประกอบด้วย การลงทุนในโครงการก่อสร้างศูนย์วิทยาศาสตร์การกีฬาและสำนักงาน ถนนพระราม 9 ในปี 2566-2567 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการขยายกิจการ และดำเนินการโครงการต่างๆ ในอนาคต ภายใต้กลยุทธ์การเติบโตด้วยการพัฒนาธุรกิจ 5 ด้านหลัก ได้แก่ Sport, Active & Lifestyle, Health, Explorer และ D.OASIS (Web 3.0)

ส่วนนายพงศ์วรรธน์ ติยะพรไชย ผู้อำนวยการกลุ่มงานขาย WARRIX อธิบายภาพรวมอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬามีมูลค่าสูงถึง 30,000 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละประมาณ 15-20% ตามพฤติกรรมของผู้คนที่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพมากขึ้น ทำให้กีฬาและกิจกรรมสุขภาพต่างๆ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการวิ่ง การขี่จักรยาน การออกกำลังกายที่บ้านด้วยตัวเอง และโยคะ รวมถึงยังมีแรงหนุนจากการแข่งขันของรายการกีฬาสำคัญ อย่าง FIFA World Cup 2022, AFF Mitsubishi Electric Cup 2022 และโอลิมปิกในปี 2024 ช่วยกระตุ้นการเติบโตจากเทรนด์เหล่านี้

ปัจจุบันรายได้หลักของวอริกซ์มาจากการจำหน่ายสินค้ากลุ่ม Non-Licensed ได้แก่ สินค้าคลาสสิก สินค้าคอลเลกชัน และสินค้าทำตามคำสั่ง (Made to Order) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 34.90% 28.26% และ 16.21% ตามลำดับ เพราะสินค้าเหล่านี้กำลังได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถสวมใส่ได้หลากหลายโอกาส สอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่ต้องการลดการพึ่งพาสินค้าภายใต้สัญญาสนับสนุน หรือสินค้ากลุ่ม Licensed ประกอบด้วย สินค้าฟุตบอลทีมชาติ คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 12.68% สินค้าสโมสรฟุตบอล 3.99% และสินค้าลิขสิทธิ์อื่นๆ 1.89% เพื่อสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น และช่วยลดค่าใช้จ่ายในการสนับสนุนทั้งในรูปแบบเงินสด และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่สำคัญในการดำเนินงาน ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถบริหารอัตรากำไรขั้นต้นได้สูงเกิน 40% อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าอื่นๆ อีก 0.54% และรายได้จากการให้บริการคลินิกกายภาพอยู่ที่ 0.47%