2349 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ดิทโต้ ประเทศไทย (DITTO) และ บมจ. ทีม คอนซัลติ้ง เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนเนจเมนท์ (TEAMG) จับมือตั้งบริษัทร่วมทุน ดีทีเอ็กซ์ (DTX) ผนึกความเชี่ยวชาญที่เป็นจุดแข็งของทั้ง 2 ฝายมาพัฒนาร่วมกัน ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ถือหุ้นเท่ากันฝ่ายละ 50% โดย DTX จะทำธุรกิจที่เป็น Core Technology ที่เรียกว่า Digital Twin ครั้งแรกในไทย แปรข้อมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ และระบบสาธารณูปโภค เป็นระบบ Digital
นายฐกร รัตนกมลพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร DITTO บอกว่า ธุรกิจของ DTX จะมีลักษณะคล้ายๆ กับธุรกิจหลักของ DITTO ที่เป็นการนำ data เข้าสู่ระบบ Digital แต่จะแตกต่างตรงที่ฐานข้อมูลของ DTX จะเป็นการนำข้อมูลเฉพาะด้านการก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ทาง TEAMG มีความพร้อม มาจัดเก็บในระบบ Digital เพื่อนำมาปรับใช้ในการดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นจากในอดีต เป็นการเพิ่มมูลค่าการตลาด เพราะระบบงานก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภค เป็นโครงการขนาดใหญ่มีมูลค่าสูง
ขณะที่ ดร.อภิชาติ สระมูล กรรมการผู้จัดการ TEAM บอกว่า การทำธุรกิจวิศวกรรมที่ปรึกษาแบบบูรณาการมายาวนานกว่า 45 ปี มีประสบการณ์ในการดำเนินงานโครงการขนาดใหญ่ (Mega Project) ทั้งของภาครัฐและเอกชน ทำให้บริษัทฯ มีองค์ความรู้ และฐานข้อมูลที่ทันสมัย ครอบคลุมหลากหลายสาขา โดยเฉพาะงานด้าน Building information Modeling (BIM) มาสร้าง Digital Twin Data เปลี่ยนจากข้อมูลบนกระดาษเป็น Digital information ช่วยเพิ่มมูลค่าทางการตลาดในรูปแบบ Software ที่พัฒนาขึ้น เพื่อให้เป็นนวัตกรรมใหม่ที่พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต
ซึ่งเทคโนโลยี Digital Twin ได้รับคำอธิบายจาก ผศ.ดร.พร วิรุฬห์รักษ์ กรรมการผู้จัดการ DTX ว่า เป็นแบบจำลองที่สะท้อนสถานะความเป็นจริงของวัตถุทางกายภาพ (Physical) ณ เวลานั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ (Digital) เช่น ข้อมูลของอาคารสูงขนาดใหญ่ โรงงานอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ข้อมูลการก่อสร้าง ระบบน้ำ ระบบไฟ รวมถึงข้อมูลของเมือง ที่ปกติจะถูกบันทึกอยู่ในพิมพ์เขียว หรือเก็บไว้ในไฟล์คอมพิวเตอร์ทั่ว ๆ ไป แต่ Digital Twin คือการนำข้อมูลหรือพิมพ์เขียวนั้นมาอยู่ในแพลตฟอร์มที่เป็นระบบ Digital สามารถดูได้แบบ Real Time ตลอด 24 ชั่วโมง ถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด และจะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคต ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนำไปพัฒนาปรับปรุงระบบการทำงาน ซึ่งจะก่อให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่าย จากการลดการพึ่งพาแรงงาน เพราะระบบจะใช้เซ็นเซอร์ช่วยให้ข้อมูลหลั่งไหลเข้ามาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง และช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะได้ข้อมูลที่เป็น Real Time ทำให้เห็นปัญหาที่เป็นภาพใหญ่ หรือเป็นแบบบูรณาการ ช่วยจะทำให้องค์กรเกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ เกิดนโยบายใหม่ๆ
“ผู้บริหารอาคาร ระบบสาธารณูปโภค อยากจะเห็นปริมาณการใช้ไฟฟ้าแบบ Real Time หากเป็นผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรม ก็อยากเห็นว่าปริมาณน้ำท่วมหลังจากฝนตกลงมาเป็นอย่างไร ตรงไหนท่วมหนัก ตรงไหนไม่ท่วม เพื่อจะได้มีการแจ้งเตือน หรือ ผู้ว่าฯ ของเมืองที่เราเรียก Smart City อาจจำเป็นต้องเข้าถึง CCTV ดูความปลอดภัย ดูการจราจร ดูสถานการณ์สิ่งแวดล้อม ดูความเสียหายของอุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่างๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ ไฟถนน หรือการเฝ้าสังเกตการใช้พลังงาน ตัว Digital Twin ก็จะสามารถส่งสัญญาณมาโดยตรง ปราศจากคนกลาง ทำให้ข้อมูลที่ได้รับถูกต้องแม่นยำโปร่งใสไม่ผิดเพี้ยน” ผศ.ดร.พร ฉายภาพ
ในเบื้องต้น DTX กำหนดฐานลูกค้าเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีสินทรัพย์จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นอาคาร ที่ดิน หรือโครงการพื้นฐานด้านสาธารณูปโภค ที่จำเป็นต้องมีการตรวจสอบ บำรุงรักษา และต้องการบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยแวดล้อมต่างๆ โดยบริษัทฯ มีแผนนำเสนอในรูปแบบแอปพลิเคชันในปีหน้า นำร่องด้วยแอปพลิเคชั่นที่ดิน ต่อเนื่องด้วยแอปพลิเคชันการบริหารนิคมอุตสาหกรรม โครงการสาธารณูปโภคด้านพลังงาน และการบริหารจัดการน้ำ พร้อมตั้งเป้ารายได้ 400 ล้านบาท ภายใน 5 ปีนี้