2445 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 8,450 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) สาเหตุหลักจากรายได้รวมขยายตัว 11.5% ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ทั้งจากการขยายสินเชื่อที่มีคุณภาพทั้งสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อรายย่อย และการได้ประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) เพิ่มขึ้น 0.10% หนุนด้วยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้น 12.8% และการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น โดยมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) ลดลงเล็กน้อยเหลือ 45.31% ถึงแม้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะขยายตัวเพิ่มขึ้นตามการลงทุนด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้า
สำหรับผลดำเนินงานงวด 9 เดือนปีนี้ ธนาคารมีกำไรสุทธิ 25,588 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.7% YoY สาเหตุหลักจากรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัว 5.7% ทั้งจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ขยายตัว 6.1% จากการเติบโตของสินเชื่ออย่างสมดุล และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิที่ปรับเพิ่มขึ้น 2.6% ขณะที่สามารถควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายในองค์รวมได้ดีขึ้น ส่งผลให้ Cost to Income ratio ลดลง 1.22% YoY มาอยู่ที่ 43.06%
ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) อยู่ที่ 16,806 ล้านบาท ลดลง 30.8% YoY เพราะธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อและควบคุมคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด โดยพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมในการทำธุรกิจ และภาวะเศรษฐกิจที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้มีการตั้งสำรองเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มจากสิ้นปีก่อนที่ 168.8% เป็น 176.4% ณ สิ้นงวดเดือนกันยายน ถึงแม้สัดส่วนหนี้เสียต่อเงินให้สินเชื่อ (NPLs) จะลดลงจาก 3.50% ในสิ้นปีก่อน เหลือ 3.32% ณ สิ้นงวดเดือนกันยายนก็ตาม
ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 20.63% ในจำนวนนี้เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในอัตรา 16.47% ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของ ธปท.
พร้อมกันนี้ ธนาคารได้ออกตราสารด้อยสิทธิ ที่สามารถนับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 รวม 18,080 ล้านบาท ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อทดแทนตราสารด้อยสิทธิที่จะไถ่ถอนในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ 20,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการไถ่ถอนก่อนกำหนดเพื่อช่วยรักษาระดับของอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 2 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงให้แข็งแกร่งและรองรับการเติบโตในอนาคต
ทั้งนี้ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ KTB ชี้แจงแผนดำเนินงานช่วงโค้งสุดท้ายปีนี้ด้วยว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง บริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างใกล้ชิด รักษาระดับของ Coverage ratio ในระดับสูง เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยพร้อมดูแลผลกระทบที่จะเกิดกับลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ารายย่อย SMEs และกลุ่มเปราะบาง ด้วยการทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการออมและการลงทุนรองรับความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ รวมทั้งยึดมั่นแนวทางการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) โดยนำกรอบเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน(SDGs) มาปรับใช้ในกระบวนการดำเนินงาน ภายใต้พันธกิจ "กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน” อย่างต่อเนื่อง