KS เชื่อ สัปดาห์นี้ ดีล ADVANC-JASIF และ TRUE-DTAC ลงตัว หนุนให้ DTAC เป็น Top pick กลุ่ม ICT

เพราะสัปดาห์นี้ จะมี  2 เหตุการณ์สำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทยที่จะเกิดขึ้น  

เหตุการณ์แรก ในวันอังคารที่ 18 ต.ค. จะมีผลการลงมติจากการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ของ JASIF ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตบ้าน (FBB)

เหตุการณ์ที่สอง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 ต.ค. จะมีการตัดสินใจของคณะกรรมการ กสทช. เรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง บมจ. ดีแทค คอร์ปอเรชั่น (DTAC) และ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) ซึ่งจะเป็นตัวกำหนดโครงสร้างตลาดบรอดแบนด์มือถือ (MBB)  

ในมุมมองของนายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กสิกรไทย ( KS) ซึ่งได้รับการยกให้เป็นนักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มสื่อสารและโทรคมนาคมไทย (ICT) ระดับ Top ของประเทศ ระบุว่า มีความมั่นใจเต็ม 100% ว่าทั้ง 2 ดีลจะผ่านไปได้ด้วยดี ซี่งจะทำให้เกิดบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ 2 แห่งที่แข็งแกร่งเท่ากันในตลาด และเป็นสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด ทำให้มีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม ICT เนื่องจากเชื่อว่าการสร้างมูลค่าเพิ่มจากเหตุการณ์พิเศษ จะมีน้ำหนักมากกว่าอุปสรรคที่เกิดจากกำไรที่ซบเซา

ในทางกลับกัน หากการวิเคราะห์ไม่เป็นอย่างที่คาด เขาระบุว่า ความเท่าเทียมกันของการแข่งขันในตลาด FBB และ MBB จะไม่สมดุล หมายความว่าการ แข่งขันด้านราคาที่รุนแรงในปัจจุบันจะคงอยู่นานขึ้น ฉุดความสามารถในการทำกำไร ผลตอบแทน และความน่าสนใจของหุ้นกลุ่มธุรกิจนี้ให้ลดลง

เขาบอกว่า ชอบ DTAC และ TRUE มากกว่า ADVANC และ JAS จากขนาดของการสร้างมูลค่าการผนึกกำลัง และยกให้ DTAC เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่ม เพราะมี upside ที่ 5% ต่อราคาทำคำเสนอซื้อหุ้นโดยสมัครใจ (VTO) และราคาหุ้นในบริษัทใหม่ (Mergeco) ที่สูงขึ้น 15% หากถือไว้จนถึงช่วงรวมธุรกิจกัน

ทั้งนี้ ADVANC เป็นหุ้นที่ราคาเคลื่อนไหวแย่สุดใน 3 บริษัทโทรคมนาคมในรอบปีนี้ (YTD) นับตั้งแต่บริษัทฯ ประกาศข้อเสนอในการเข้าซื้อกิจการ TTTBB และ JASIF ส่วนหนึ่งเกิดจากผลดำเนินงานที่ไม่ดี และอีกส่วนหนึ่ง คาดว่ามีผลจากตลาดอาจไม่ชอบข้อตกลง หรือประเมินภาพว่า ADVANC จะยังเข้าซื้อกิจการ แม้จะไม่มีส่วนลดค่าเช่าก็ตาม ถึงแม้ผู้ถือหน่วยลงทุนรายย่อยของ JASIF จะเห็นด้วยกับการเปลี่ยนผู้สนับสนุนกองทุนจาก JAS เป็น ADVANC โดยไม่มีส่งนลดค่าเช่า สะท้อนให้เห็นว่า มูลค่าการผนึกกำลังจะต่ำกว่าคู่แข่ง