TEGH ยืนเหนือจองทั้งวัน ตอกย้ำการเป็นธุรกิจมุ่งความยั่งยืน แม้ภาวะตลาดจะไม่เอื้ออำนวย

1904 จำนวนผู้เข้าชม  | 

TEGH ยืนเหนือจองทั้งวัน ตอกย้ำการเป็นธุรกิจมุ่งความยั่งยืน แม้ภาวะตลาดจะไม่เอื้ออำนวย

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองทั้งวัน 

โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 4.98 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 4.80 บาท ถึง 18 สตางค์ คิดเป็นผลตอบแทน 3.75% เริ่มมีแรงซื้อกระจายตัวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดันราคาให้ไต่ระดับขึ้นไปเรื่อยๆ กระทั่งแตะจุดสูงสุดในรอบวันที่ 5.35 บาท จากนั้น เริ่มมีแรงขายทำกำไรโถมออกมาเป็นระยะๆ กดให้ราคาอ่อนตัวลงมา กระทั่้งแตะจุดต่ำสุดในรอบวันที่ 4.88 บาท แต่ปลายตลาด เริ่มมีแรงซื้อหนุนกลับเข้ามา ดันราคาหุ้นให้ไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ 5.00 บาท เกินจอง 20 สตางค์ ให้ผลตอบแทน 4.17%

โอกาสนี้ นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TEGH เปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้นปรับเพิ่มขึ้นด้วยมูลค่าการซื้อขายที่คึกคัก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่เป็นหุ้นตัวแรกในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ทำธุรกิจครอบคลุมทั้งธุรกิจยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์มดิบ และพลังงานทดแทนรวมถึงการบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งมีโอกาสเติบโตตามแนวโน้มอุตสาหกรรมยางธรรมชาติและน้ำมันปาล์มดิบที่ยังคงสดใส และมี New S-Curve ต่อยอดจากอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ผลักดันให้ความต้องการในสินค้ายางธรรมชาติที่เป็นสินค้า Premium เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจพลังงานทดแทนและการรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นที่ดีเข้ามาสนับสนุน ที่สำคัญ บริษัทฯ ยังเป็นองค์กรที่ปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ ได้มาตรฐาน Eco Factory และ Green Industry โดยสินค้ายางธรรมชาติยังได้รับการรับรองว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Low Carbon product) ถือเป็นปัจจัยตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนเกาะกระแสโลกอย่างแท้จริง  

ด้านนางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ TEGH กล่าวเสริมว่า ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน โดยปีนี้ บริษัทฯ มีการขยายกำลังการผลิตยางแท่งเป็นประมาณ 328,000 ตัน ซึ่งเดินเครื่องเชิงพาณิชย์  (COD) ไปแล้ว และจะขยายเป็น 416,000 ตันในปีหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยางแท่ง Top 5 ของประเทศ สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ จะปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตซึ่งจะทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 42% ขณะที่ธุรกิจพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์ บริษัทฯ วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ จาก 23 ล้านลูกบาศก์เมตรในปีนี้ เป็น 67 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2568 ควบคู่ไปกับการเพิ่มกำลังการผลิตบ่อหมักกากอินทรีย์ประเภทของแข็ง (SOW) เพื่อรองรับเสียที่ได้จากการผลิตยางแท่ง

โดยในไตรมาสสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ เตรียมเดินเครื่องจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 เพิ่มเติมจากเดิมที่ใช้ก๊าซชีวภาพเพื่อทดแทน LPG ในธุรกิจยางพารา และใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้แทนไฟฟ้าจากภายนอกได้ ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ถึง 89% และ 51% ตามลำดับ  

ขณะที่นายพงศ์ศักดิ์ พฤกษ์ไพศาล กรรมการผู้จัดการ บมจ. หลักทรัพย์ กสิกรไทย (KS) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ ย้ำว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ TEGH หลักๆ จะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าที่มีเข้ามาเป็นจำนวนมาก สร้างการเติบโตของรายได้และกำไร และบางส่วนจะนำไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ซึ่งจะช่วยให้ฐานะทางการเงินมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และพร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านการผลิต Sustainable Material เพื่อให้สอดรับกับนโยบายของกลุ่มลูกค้า และขยายกำลังการผลิตยางแท่งให้ได้ 420,000 ตันเพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยางแท่งระดับ Top 5 ของประเทศ โดยตั้งเป้ารายได้ในปี 2569 ไว้ที่ 22,000 ล้านบาท

ขณะที่นายดิถดนัย สังขะรมย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ (TNITY) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนร่วม เชื่อว่า TEGH จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีแนวโน้มการเติบโตสูง มีคุณสมบัติทั้งการเป็นหุ้น Sustainable Stock, Growth Stock  และ Dividend Stock เพราะมีการใช้กลยุทธ์ด้านความยั่งยืน ด้วยการใช้ทรัพยากรร่วมกันอย่างคุ้มค่า ลดการปล่อยของเสียให้เป็นศูนย์ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ และเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียนทดแทนการใช้พลังงานจากฟอสซิลในทุกกระบวนการ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัทฯ ได้เป็น Eco Product และมุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutral อย่างแท้จริง สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตแข็ งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต และสร้างผลตอบแทนที่ดีคืนกลับผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้