1838 จำนวนผู้เข้าชม |
ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แรงกดดันเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขาขึ้นแบบเร็วและแรง หรือความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยในหลายประเทศ ทำให้การกระจายการลงทุนไปในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว เป็นทางเลือกในการช่วยบริหารความเสี่ยง และหาโอกาสสร้างผลตอบแทนในพอร์ตลงทุนได้ จากการที่เศรษฐกิจยังมีช่องว่างให้พัฒนาและขยายการลงทุนได้
ซึ่งการที่อินโดนีเซียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 6 ของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และอันดับ 1 ในอาเซียน โดยโครงสร้างทางเศรษฐกิจเน้นการพึ่งพิงตลาดในประเทศเป็นหลัก มีปัจจัยสนับสนุนจากขนาดประชากรที่ใหญ่ และกลุ่มชนชั้นกลางที่เติบโต ประกอบกับยังมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก จูงใจให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนทางตรงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บลจ. อีสท์สปริง ประเทศไทย (บลจ. ทีเอ็มบีเดิม) จึงเสนอทางเลือกในการลงทุนที่แตกต่างออกไปจากอุตสาหกรรม ด้วย "กองทุนเปิด อีสท์สปริง Indonesia Active Equity Fund" (ES-INDONESIA) เตรียมเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) ระหว่างวันที่ 3 – 9 สิงหาคมนี้ โดยไม่มีเงื่อนไขการลงทุนขั้นต่ำ
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองเดียว คือ กองทุน Fidelity Funds – Indonesia Fund หน่วยลงทุนชนิด Class Y สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAVs) โดยจะเน้นลงทุนในตราสารทุนประเทศอินโดนีเซียเป็นหลัก อย่างน้อย 70% ในบริษัทที่อยู่ในประเทศอินโดนีเซีย อ้างอิงตามส่วนประกอบของดัชนี MSCI Indonesia IMI Capped 8%
และเนื่องจากกลยุทธ์ลงทุนของกองทุนหลักเป็นแบบเชิงรุก มุ่งหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด คือ MSCI Indonesia IMI Capped to 8% ทำให้กองทุนอาจลงทุนในบริษัท ประเทศ หรืออุตสาหกรรมที่ไม่รวมอยู่ในดัชนี หรือมีน้ำหนักการลงทุนที่แตกต่างจากดัชนี เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนให้มากขึ้น ขณะเดียวกัน กองทุนหลักอาจมีการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ทั้งเพื่อป้องกันความเสี่ยง และเพื่อสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มได้ด้วย