1694 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจาก บมจ. เอสซีบีเอกซ์ (SCBX) เคยประกาศแผนลงทุนในบริษัท บิทคับ ออนไลน์ จำกัด (Bitkub) ผ่านบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) โดยคาดการณ์ว่าธุรกรรมการซื้อขายหุ้นดังกล่าวน่าจะดำเนินการได้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสแรกปีนั้น
ผ่านมาถึงไตรมาสสาม นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCBX ได้ออกมาชี้แจงว่า การเข้าทำธุรกรรมซื้อขายหุ้นใน Bitkub ยังไม่มีความคืบหน้า โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างกระบวนการสอบทางธุรกิจ โดยการดำเนินการอยู่ภายใต้การหารือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง ทำให้จำเป็นต้องขยายเวลาในการทำธุรกรรมออกไปจากกำหนดการเดิม
ถัดมา สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า SCBX ยานแม่ของธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB อยู่ระหว่างหารือกับบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อหาความเป็นไปได้ในการขายกิจการ SCBAM โดยมูลค่าดีลเบื้องต้นอาจอยู่ที่ 1,000-1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 36,000-54,000 ล้านบาท อ้างอิงจากแหล่งข่าวรายหนึ่งที่รับรู้เรื่องนี้
พร้อมกันนี้ มีการระบุด้วยว่า มีสถาบันการเงินหลายรายให้ความสนใจการขายกิจการครั้งนี้ แต่เนื่องจากการขายกิจการดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น และมีโอกาสที่ SCBX จะปฏิเสธข้อเสนอจากองค์กรเหล่านั้น เพราะเป้าหมายในการขาย SCBAM หลักๆ คือ SCBX ต้องการนำเงินทุนมาใช้ลงทุนในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต
ซึ่งนายมาณพ เสงี่ยมบุตร ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน SCBX ออกมาชี้แจงว่า ธุรกิจจัดการกองทุนถือเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ต่อกลุ่ม SCBX ทำให้บริษัทฯ ต้องประเมินทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งข้อเสนอและโอกาสต่างๆ ตลอดจนความเห็นจากที่ปรึกษาภายนอกอย่างสม่ำเสมอ ดังนั้น การหารือเพื่อพิจารณาทางเลือกดังกล่าวยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ซึ่งยังไม่มีความแน่นอนว่าจะมีการดำเนินการใดๆ หรือไม่ แต่หากมีธุรกรรมเกิดขึ้นจริง พร้อมเปิดเผยข้อมูลต่อไป
ในความเห็นนักวิเคราะห์จากหลายสำนัก มองประเด็นข่าวเหล่านี้ มีผลด้านจิตวิทยาต่อราคาหุ้น SCBX ในระยะสั้น แต่ยังไม่น่าจะมีผลต่อผลดำเนินงานของบริษัทฯ เพราะทั้ง 2 ประเด็นนี้ น่าจะใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะความชัดเจนเพิ่มเติม ประกอบกับภาพตลาดปัจจุบันที่ยังผันผวน ทำให้มีหุ้นตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ และเหมากับภาวะตลาดมากกว่า
ทรีนีตี้ (TNITY) มองว่าข่าวทั้ง 2 ประเด็น ถือเป็นปัจจัยบวกต่อ SCBX โดยเรื่องการขาย SCBAM หากขายทั้งหมดในราคาตามข่าว SCBX จะมีกำไรหลังหักภาษีอยู่ที่ 2.7–4.2 หมื่นล้านบาท แต่จะมีผลให้กำไรจาก SCBAM หายไปราว 1.6 พันล้านบาท คิดเป็น 3.4-3.7% ของประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าที่คาดไว้เดิม ส่วนการเลื่อนซื้อหุ้นใน Bitkub เดิม SCBX ตั้งเป้าลงทุนในสัดส่วน 51% คิดเป็นมูลค่า 1.78 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดคริปโตกำลังบูม ทั้งในแง่ราคาซื้อขายเหรียญต่างๆ และมูลค่าการซื้อขายโดยรวม แต่ปัจจุบัน สถานการณ์พลิกผัน จึงต้องปรับเปลี่ยนสมมติฐานในการประเมินมูลค่าใหม่ ซึ่งน่าจะมีผลให้ SCBX ใช้เงินลงทุนน้อยลงได้
แต่หากตัดประเด็นเหล่านี้ออกไปก่อน ยังแนะนำ "ซื้อ” โดยคงราคาเป้าหมาย 140 บาท ตามเดิม
ขณะที่โนมูระ พัฒนสิน (CNS) มีมุมมอง Slightly Positive ต่อข่าว SCBX มีแนวโน้มพิจารณาขาย SCBAM เพราะยังไม่มีรายละเอียดทั้งประเด็นสัดส่วนการขาย ช่วงเวลาในการขาย และเงื่อนไขในการขาย แต่ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับการขาย SCBAM บางส่วนเท่านั้น ซึ่งการมีพันธมิตรมาช่วยบริหาร น่าจะช่วยขยายฐานลูกค้ามากขึ้น
แต่หากประเมินกรณีที่ดีที่สุด คือ SCBX ขาย SCBAM 100% ภายใต้สมมุติฐานว่า ราคาขาย 1,000-1,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ หรือราว 36,000-54,000 ล้านบาท (ใช้อัตราแลกเปลี่ยน 36 บาท ต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ) เมื่อหักต้นทุนค่าใช้จ่าย และรายจ่ายภาษีในอัตรา 20% จะพบว่า SCBX จะมีกำไรจากการขาย SCBAM ประมาณ 28,640-43,022 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม หากตัดประเด็นนี้ออกไป CNS ยังคงเลือก SCBX เป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคาร (ซื้อ/เป้า 155 บาท) คู่กับ KKP (ซื้อ/เป้า 88 บาท) เพราะยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และมีความน่าสนใจในระยะกลางถึงยาว จาก 3 ประเด็น ประเด็นแรก คาดสินเชื่อหลักอย่างสินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อรายย่อยเติบโตต่อเนื่อง และยังมีแผนรุกสินเชื่อ segment ใหม่ เพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต ประเด็นที่สอง มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจธนาคารให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น และประเด็นสุดท้าย ความเป็นผู้นำด้าน Digital banking และการลงทุนใน start-up และ Tech company ใหม่ๆ ผ่าน SCB10x รวมถึงการ spin-off บริษัทลูกในอีก 3-4 ปีข้างหน้า
ส่วนฟินันเซีย ไซรัส (FSS) มองว่า SCBX กำลังปรับเปลี่ยนตัวเองให้เป็นบริษัทแม่ และต้องการปลดล๊อคมูลค่าของผู้ถือหุ้น จึงเชื่อว่า SCB น่าจะขาย SCBAM บางส่วน หรือทั้ง 100% แต่หาก SCBX ขายบางส่วนให้ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารกองทุน ข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากผู้ซื้ออาจช่วยสนับสนุนโอกาสในการขยายธุรกิจ นอกจากนี้ ยังอาจได้ประโยชน์อย่างต่อเนื่องจากกำไรสุทธิของ SCBAM ที่อาจเพิ่มขึ้น ขณะที่ได้เงินก้อนมาขยายธุรกิจอื่นในอนาคต แต่หากตีความการขายทั้ง 100% ตามข่าว ธนาคารน่าจะได้กำไรสุทธิหลังหักภาษี 2.9-4.3 หมื่นล้านบาท คิดเป็นมูลค่าต่อหุ้นที่ 8.40-12.70 บาท อย่างไรก็ดี SCBX น่าจะใช้กำไรส่วนมากเพื่อจัดสรรเป็นสำรองพิเศษ
แต่เนื่องจากในระยะสั้น ตลาดเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการขึ้นดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อมากกว่าการแปรรูปบริษัทในเครือ SCBX แนะนำ “ทยอยซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว” ที่ราคาเป้าหมายปีหน้า 134 บาท เพราะเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างจะทำให้ภาพธุรกิจระยะกลางถึงยาวสามารถเจาะอุตสาหกรรมดิจิตอลที่มีศักยภาพการเติบโตสูง