1154 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ประกาศผลดำเนินงานไตรมาสแรกปีนี้สร้างสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 5 เมื่อสามารถทำรายได้รวมถึง 1,651.6 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 89.9 ล้านบาท โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) รายได้พุ่ง 32% ส่วนกำไรสุทธิโต 17% และหากเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY) รายได้ขยายตัว 249% ขณที่กำไรสุทธิเบ่งบานกว่า 233%
ซึ่งการที่ผลดำเนินงานทำสถิติสูงสุดครั้งใหม่ ได้รับการอธิบายจากนายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ว่า เกิดจากปริมาณและความต้องการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ปีที่แล้ว อีกทั้งค่าระวางในการขนส่งยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะการขนส่งไปยังสหรัฐฯ และยุโรป ประกอบกับบริษัทฯ สามารถขยายฐานลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ขณะที่แผนควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี
ดังนั้น เมื่อประเมินแนวโน้มธุรกิจทั้งปี เชื่อว่า จะยังคงสามารถเติบโตได้ 30-35% ตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ เพราะบริษัทฯ ได้เสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการอย่างครบวงจร โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ อย่างห้องเก็บของรูปแบบใหม่ (LIFESTYLE STORAGE) แห่งแรกในเมืองไทย “LEO Self-Storage#2 Chinatown” ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และได้รับผลตอบรับดีเยี่ยม มีลูกค้าสนใจสอบถามและเข้ามาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก หลังจากเปิดดำเนินการเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเพิ่มบริการลานรับฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD บนถนนบางนา กม. 21 โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงพื้นที่ คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการภายในไตรมาสนี้
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนงานที่วางเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตร ทั้งในและต่างประเทศ หรือการทำข้อตกลงซื้อและควบรวมกิจการ (M&A) เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ เห็นผลสำเร็จแล้วจากกรณีของ บริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์
สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตร "China Post" ได้มีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบิน China Post Airline ระหว่างกรุงเทพ- คุนหมิง ช่วยผลักดันและส่งเสริมการส่งออกผลไม้ไทยไปยังจีนได้มากขึ้น สำหรับโครงการขนส่งสินค้าโดยรถไฟจากจีน มายัง สปป.ลาว ได้เริ่มทดลองให้บริการแล้ว ขณะนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบระบบเรื่องของพิธีการกรมศุลกากร และการนำสินค้าเข้าสู่ประเทศไทยผ่านรถบรรทุก ซึ่งหากระบบสมบูรณ์แล้ว น่าจะสามารถขนส่งสินค้าทางรถไฟไปยังจีนได้ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000-1,200 ตู้ สร้างรายได้ให้บริษัทฯ ได้ปีละ 120-150 ล้านบาท และเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าไปจีนได้เพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยว่า 25-30% ช่วยยกระดับเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนให้เข้มแข้งขึ้นตามไปด้วย
ในทรรศนะของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ด้านปัจจัยพื้นฐาน เชื่อว่าจะเห็นบริษัทฯ โชว์กำไรแข็งแกร่งตลอดทั้งปี เพราะภาพรวมธุรกิจยังสดใส ทั้งจากการเข้าสู่ฤดูกาลขนส่ง และการขยายธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง ผ่านการร่วมลงทุน (Joint Venture – JV) และการซื้อกิจการ (M&A) ที่น่าจะมีความชัดเจนเพิ่มเติมภายในปีนี้
ค่ายบัวหลวง (BLS) ระบุว่า LEO น่าจะรายงานกำไรไตรมาส 2 ทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีก เพราะปกติไตรมาสแรกจะเป็นไตรมาสที่แย่สุดของปี โดยอัตราค่าระวางเรือที่สูงขึ้นและปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น จะช่วยผลักดันให้กำไรมีแนวโน้มขยายตัว YoY ส่วนการมีเที่ยวบินไปจีนมากขึ้น และยังมียอดจองใช้บริการขนส่งทางอากาศเต็มตลอด ถึงแม้จะมีการล็อคดาวน์ในหลายเมือง โดยไม่ต้องกังวลกับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับขึ้น เพราะสามารถส่งต่อภาระให้กับลูกค้าได้ จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนให้กำไรหลักปรับเพิ่มขึ้น QoQ
สำหรับประมาณการกำไรหลักทั้งปี ค่ายนี้คาดไว้ 288 ล้านบาท (+43% YoY) โดยมีราคาเหมาะสม 22.50 บาท แต่อาจมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรจากธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางราง หากทางการจีนประกาศใช้นโยบาย ZERO-COVID
ส่วนเคทีบี ประเทศไทย (KTBST) บอกว่า ภาพรวมธุรกิจยังคงสดใสจากการเข้าสู่ high season ของธุรกิจขนส่ง ที่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเดือนสิงหาคม ทำให้คาดว่ าผลประกอบการไตรมาส 2 ต่อเนื่องไตรมาส 3 มีโอกาสทำ new high ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ การที่ LEO มี project ใหม่ๆ ที่จะเป็น upside ต่อประมาณการ ซึ่งอยู่ใน pipeline อย่าง self-storage แห่งใหม่ วางแผนตั้ง JV กับบริษัทข้ามชาติทำธุรกิจ warehousing ซึ่งอาจมีทั้ง general cargo (5 พันตารางเมตร) หรือ cold chain (2 พันตารางเมตร) รวมถึงการเดินหน้าทำดีล M&A โดยเร็วๆ นี้ คาดจะมีดีลกับธุรกิจ digital platform เพื่อเพิ่มช่องทางการใช้บริการขนส่งทางออนไลน์ให้กับลูกค้ ารายใหม่ๆ ทำให้ในเบื้องต้น คงประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้า ที่ 338 ล้านบาท (+33% YoY) และ 350 ล้านบาท (+9% YoY) ตามลำดับ คิดเป็นราคาเหมาะสมที่ 23.00 บาท อิง PER ที่ 22 เท่า และแนะนำ "ซื้อ"