1350 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจาก บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ประกาศกำไรสุทธิไตรมาสแรกสร้างสถิติสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ (All time High) ที่ 1.16 พันล้านบาท โต 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) และ 55% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งดีกว่าที่ตลาดไว้มาก เพราะอัตรากำไรขั้นต้นโตโดดเด่น 60 bps เป็น 26.1%
ทั้งนี้ การที่ผลดำเนินงานโดดเด่นเกิดจากทั้งรายได้และอัตรากำไรขั้นโตเติบโต โดยหากเทียบปีต่อปี (YoY) พบว่า รายได้ขยายตัว 11% ตามกำลังซื้อต่างจังหวัดที่ยังดูดี หนุนด้วยการที่ราคาขายเหล็กเฉลี่ยสูงกว่าปีก่อน 20% ช่วยผลักดันให้ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) มีอัตราเติบโตในระดับ 7-8% ขณะที่การขยายตัวของกำไรขั้นต้น เกิดจากการเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จาก 21-22% ในไตรมาสแรกปีก่อน เป็น 23%
ขณะเดียวกัน เมื่อเทียบรายไตรมาส (QoQ) การที่กำไรโตเด่น มีสาเหตุจากการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ค้าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลงจาก 15.0% ในไตรมาส 4 ปีก่อน เหลือ 12.9% ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกเพิ่มขึ้น จากธุรกิจในเมียนมาร์ สปป. ลาว และเริ่มรับรู้กำไรจากอินโดนีเซียเต็มไตรมาส
ผลดำเนินงานไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งกว่าตลาดคาดมาก ทำให้นักวิเคราะห์หลักทรัพย์หลายสำนัก พร้อมใจกันปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ และราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้น และแนะนำให้ "ซื้อติดไว้ในพอร์ต”
โนมูระ พัฒนสิน (CNS) บอกว่า ชอบ GLOBAL ในฐานะหุ้น Laggard play โดยปัจจุบันซื้อขายบน P/E ปีนี้ เพียง 31เท่า เทียบเท่าค่าเฉลี่ย –1.0 SD ขณะที่ธุรกิจมี upside ระยะสั้น จากการที่ราคาเหล็กและสินค้าเกษตรในตลาดโลกปรับขึ้น และในระยะยาว (2-3 ปีขึ้นไป) ยังจะมี upside เพิ่มจากการขยายสาขาในพื้นที่ใหม่ๆ อีกมากทั้งในประเทศ และในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะกัมพูชา และฟิลิปปินส์ ตลอดจนกิจการร่วมค้า GBI (ถือหุ้นร่วมกับ SCC ฝ่ายละ 50%) ซึ่งเพิ่งเข้าไปลงทุนเพิ่มใน CKDB ทำธุรกิจ Home improvement ในอินโดนีเซีย เมื่อต้นปีนี้เอง
เบื้องต้นยังคงกำไรทั้งปี ที่ 3.4 พันล้านบาท เช่นเดียวกับราคาเป้าหมายปีนี้ ที่ให้ไว้ 26.50 บาทไปก่อน โดยอยู่ระหว่างทบทวนประมาณการ เพื่อให้สะท้อนกำไรไตรมาสแรกที่เด่นกว่าคาด
ด้านเคทีบี ประเทศไทย (KTBST) คาดกำไรสุทธิปีนี้อยู่ที่ 3.49 พันล้านบาท (+4% YoY) หนุนโดยรายได้ที่เติบโต 10% YoY เป็น 3.68 หมื่นล้านบาท จากแผนขยายสาขาปีนี้ 14 สาขา (แบ่งเป็นสาขาในประเทศและต่างประเทศอย่างละ 7 สาขา) และการที่ราคาเหล็กยังยืนระดับสูง โดยมีการปรับขึ้นจากปีก่อนแล้วถึง 39% อีกทั้งคาดบริษัทฯ สามารถ maintain กำไรขั้นต้นเฉลี่ยทั้งปีได้ที่ 25.5% จึงแนะนำ "ซื้อ” จาก long-term outlook ที่คาดว่าผลประกอบการจะยังคงเติบโตทำสถิติใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 28 บาท อิง P/E ปีนี้ที่ 37.0 เท่า (+1.5 SD above historical avg.)
ทั้งนี้ ค่าย KTBST แนะให้จับจังหวะลงทุนในไตรมาส 2 นี้ เพราะแนวโน้มกำไรในไตรมาส 2 น่าจะถูกกดดันจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น และราคาเหล็กที่มีการปรับลงมาแล้ว 11% ในรอบ 1 เดือน ทำให้ราคาหุ้นช่วงนี้ Underperform SET หนุนให้ upside จากส่วนต่างราคาเปิดกว้างขึ้น
สำหรับพาย (PI) คาด GLOBAL มีกำไรโตแตะ 4.1 พันล้านบาท ในปี 2567 หรือโตเฉลี่ยปีละ 7.5% ด้วยแรงหนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่เป็นบวกต่อเนื่อง และการขยายสาขาใหม่ ซึ่งคาดมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 9% หรือเพิ่มเป็น 96 สาขา จึงแนะนำ "ซื้อ" โดยให้มูลค่าพื้นฐานที่ 25 บาท อิง P/E ปีนี้ที่ 35 เท่า ใกล้เคียงค่าเฉลี่ยกลุ่มสินค้าตกแต่งบ้านของไทย
ส่วนกสิกรไทย (KS) ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2565-67 ขึ้น 4.4-4.7% เป็น 3.6 พันล้านบาท, 3.9 พันล้านบาท และ 4.2 พันล้านบาท ตามลำดับ เพื่อให้สะท้อนกำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด และแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งจากการลงทุนในต่างประเทศ นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มประมาณการสัดส่วนสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ จาก 22% เป็น 23% ตามยอดขายในไตรมาสแรกที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตราเติบโตของกำไรสุทธิของ GLOBAL อยู่ที่ 7.7%, 7.5% และ 8.2% ตามลำดับ ส่งผลให้ต้องปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย (ใช้ฐานกลางปีหน้า) ขึ้นจาก 24 บาท เป็น 26 บาท เมื่อคำนวณด้วย EPS ปี 2566-67 เฉลี่ยที่ 30.9 เท่า สอดคล้องกับ PER ล่วงหน้าเฉลี่ยในอดีตของ GLOBAL พร้อมกับคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ขณะที่ราคาเหมาะสมเฉลี่ยที่โบรกเกอร์ค่ายต่างๆ มีการจัดทำบทวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐานของ GLOBAL ล่าสุด อยู่ที่ 26.18 บาท