1392 จำนวนผู้เข้าชม |
หลังจาก บมจ.วีจีไอ (VGI) ตัดสินใจเพิ่มทุนจำนวน 2,583 ล้านหุ้น ด้วยการเสนอขายหุ้นให้ผู้ถือหุ้นสามัญเดิม (Rights Offering -RO) ในสัดส่วน 10 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท โดยบริษัทฯ ให้แรงจูงใจด้วยการแจกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ หรือ วอร์แรนท์ (VGI-W3) ฟรี ในสัดส่วน 1 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 วอร์แรนท์ ช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ล่าสุด นายเนลสัน เหลียง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ออกมายืนยันว่า หุ้นเพิ่มทุนของ VGI และ VGI-W3 พร้อมเริ่มต้นซื้อขายได้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายนนี้
ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้น VGI มีการใช้สิทธิอย่างท่วมท้น จนทำให้บริษัทฯ สามารถระดมทุนได้ตามเป้า 1.29 หมื่นล้านบาท ช่วยให้บริษัทฯ มีเงินชำระคืนหนี้ 8.2 พันล้านบาท และปราศจากหนี้ อีกทั้งยังมีเงินทุนรองรับการสร้างความแข็งแกร่งของอีโคซิสเต็ม (ecosystem) โดยเฉพาะแพลตฟอร์มการจัดจำหน่ายของบริษัทฯ แบบ Omni-channel และการผนึกกำลังกับ บมจ.เจ มาร์ท (JMART) ร่วมกันจำหน่ายสินค้า และรุกธุรกิจสินเชื่อดิจิทัลผ่าน แรบบิท แคช พร้อมเร่งดำเนินการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์ผู้บริโภค (Commercial Spaces Transformation) ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง นำไปสู่การสร้างผลตอบแทนให้มีศักยภาพสูงสุด
พร้อมกันนี้ VGI ยังประกาศความตั้งใจเข้าลงทุนใน บมจ.เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) ซึ่งถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของอีโคซิสเต็ม โดยให้สิทธิการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์บนเครือข่าย BTS Skytrain ทั้งหมดแก่ NINE ซึ่งจะทำให้ VGI สามารถยกระดับการให้บริการแก่ลูกค้าให้มีพรีเมี่ยมมากยิ่งขึ้น และในอนาคต จะมีการต่อยอดโปรเจคใหม่ๆ อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างสรรค์ สะท้อนผ่านผลดำเนินงานปีนี้ (งบการเงินเป็นแบบเหลื่อมปี เริ่มเดือนเมษายนปีนี้ ไปสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า) ทันที
อย่างไรก็ตาม ในความเห็นนักวิเคราะห์ มองความน่าสนใจของหุ้น VGI ว่า หากมองภาพทั้งปี คงมีผลขาดทุนอยู่ แต่เชื่อว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกำไรได้ในไตรมาสสุดท้าย ชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจน่าจะก้าวผ่านจุดต่ำสุด (Bottom-out) ได้แล้ว ทำให้น่าจะเห็นการฟื้นตัวของกำไรได้ในงบการเงินปีหน้า
โดยหยวนต้า (YUANTA) คาดผลดำเนินงานไตรมาสสุดท้ายของ VGI จะเริ่มฟื้นตัว ก่อนพลิกกลับมาเป็นบวกในปี 2565/66 เพราะเชื่อว่า สถานการณ์โควิดจะคลี่คลายในทางที่ดีขึ้น ส่วนในระยะยาว ยังมองบวกจากรายได้ที่จะเติบโตตามการขยายเส้นทางรถไฟฟ้า รวมถึงเส้นทางที่ BTS มีแผนจะเข้าร่วมประมูลคือ ซึ่งยังไม่รวมในประมาณการ ในเบื้องต้น ให้มูลค่าพื้นฐานที่ 6.70 บาท อิงวิธี Sum of the parts (SOTP) แบ่งเป็นมูลค่าของธุรกิจ VGI ราว 3.80 บาท ส่วนที่เหลือเกือบ 2.90 บาท มาจากบริษัทร่วมตามสัดส่วนการลงทุน แบ่งเป็น PLANB (0.63 บาท) MACO (0.12 บาท) KEX (0.98 บาท) FANSLINK (0.04 บาท) และ JMART (1.11 บาท)
ด้านโนมูระ พัฒนสิน (CNS) คาดงบการเงินปี 2565/66 จะพลิกจากขาดทุนในปี 2564/65 เป็นกำไรสุทธิ 488 ล้านบาท ขานรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดคลายตัว หนุนให้เม็ดเงินโฆษณาฟื้นตัว 15% (เฉพาะสื่อ Outdoor คาดฟื้นตัว 46%) และแนะนำ "ซื้อ" เช่นกัน โดยให้ราคาเหมาะสม 7.60 บาท