646 จำนวนผู้เข้าชม |
ดร. พิพัฒน์พงศ์ โปษยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) บอกว่า แนวโน้มการลงทุนในครึ่งแรกปีนี้ นักลงทุนจะต้องเผชิญกับแรงกดดันจาก 3 ปัจจัย ประการแรก การที่กำลังการผลิตยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ เพราะภาคการผลิตยังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ไม่สามารถดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง ทั้งที่แนวโน้มความต้องการบริโภคสินค้าเพิ่มสูงขึ้นจากการเปิดประเทศ
ประการที่สอง การปรับตัวของราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวสูงขึ้น จากความต้องการที่มากขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตมีจำกัด ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงจากราคาน้ำมันตลาดโลกปรับตัวอย่างผันผวน (Stagflation)
แเละประการสุดท้าย สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย - ยูเครน ยังเห็นการใช้ กำลังปะทะกันต่อเนื่อง และล่าสุด ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) กำลังพิจารณาคว่ำบาตรการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียตามรอยสหรัฐฯ ซึ่งจะกลายเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะหลายประเทศในยุโรปต้องพึ่งพิงการนำเข้าพลังงานจากรัสเซียในสัดส่วนที่สูง
แรงกดดันจากปัจจัยเหล่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยเผชิญปัญหาเงินเฟ้อพุ่ง ของแพงตามต้นทุนพลังงานที่พุ่งขึ้น ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจสูง ขณะที่ตลาดเงินตลาดทุนไทย จะมีความผันผวนมากขึ้น ดังนั้น นักลงทุนควรปรับแนวทางการลงทุนเพื่อหาผลตอบแทนโดยมุ่งเอาชนะเงินเฟ้อ โดยทยอยลงทุนแบบถัวเฉลี่ย (DCA) และกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนทองคำ ในสัดส่วน 5-10% โดยในช่วงดอกเบี้ยขาขี้น ควรลงทุนในกองทุน หรือหุ้นกลุ่มธุรกิจสถาบันการเงิน กลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์