SCC เปิดกลยุทธ์รับมือปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า ทั้งสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน ต้นทุนพลังงานและเงินเฟ้อพุ่ง

จากสถานการณ์ที่ทั่วโลกกำลังเผชิญความไม่แน่นอนหลายปัจจัย ทั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ ความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่ส่งผลต่อต้นทุนพลังงาน และต้นทุนวัตถุดิบในหลายอุตสาหกรรมให้เพิ่มสูงขึ้น จนสร้างปัญหาเงินเฟ้อพุ่งร้อนแรงตามมา ตลอดจนยังมีวิกฤตระยะยาวอย่างปัญหาโลกร้อน ทำให้ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือกลุ่มเอสซีจี ประกาศแนวทางรับมือกับความท้าทายต่างๆ ที่เข้ามาให้ได้ทันท่วงที 

โดยนายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC เปิดเผยว่า กลุ่มเอสซีจีเตรียมกลยุทธ์รับมือทั้งระยะสั้น และระยะยาว ไว้ล่วงหน้าแล้ว

โดยกลยุทธ์ระยะสั้น จะเน้นปิดทุกความเสี่ยง บริหารต้นทุนพลังงาน และดูแลซัพพลายเชน โดยจัดเตรียมวัตถุดิบให้มีปริมาณเพียงพอ ในราคาที่เหมาะสม และทำสัญญาซื้อขายพลังงานล่วงหน้า โดยมีการบริหารต้นทุนทางการเงินให้มีความสมเหตุสมผล จากนั้น จะมีการติดตามสถานการณ์ต้นทุนพลังงาน และวัตถุดิบที่สูงขึ้นตามกลไกตลาดอย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้ทันท่วงที และพยายามให้เกิดผลกระทบกับลูกค้าให้น้อยที่สุด

สำหรับกลยุทธ์ระยะยาว จะเร่งแนวทาง ESG 4 Plus (มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ) ในการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือก พัฒนาสินค้าคาร์บอนต่ำ เพื่อมุ่ง Net Zero 2050 โดยดำเนินการควบคู่ไปกับการปรับแผนลงทุนให้เหมาะกับสถานการณ์ เช่น เดินหน้าโครงการปิโตรเคมีแบบครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) ในเวียดนาม ซึ่งมีความคืบหน้าแล้วเกิน 90% ให้พร้อมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในครึ่งแรกปีนี้ แต่จะพิจารณาทบทวนโครงการลงทุนใหม่ที่ส่งผลต่อการใช้เงินในระยะยาว

"กลุ่มเอสซีจีพร้อมรับมือความท้าทายที่เผชิญอยู่ในขณะนี้ค่อนข้างมาก เราได้เรียนรู้จากวิกฤตโควิดมาตลอด 2 ปี จึงมั่นใจว่าสามารถปรับวิธีการทำงาน ปรับองค์กรให้มีความยืดหยุ่น มีความคล่องตัว สามารถลดผลกระทบ และบริหารความเสี่ยงต่างๆ ได้ทันท่วงที ยิ่งสถานการณ์ที่ราคาพลังงานและวัตถุดิบพุ่งสูงในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ ทำให้เราเร่งทำเรื่องการเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น แม้จะไม่ง่าย แต่เราเชื่อว่าจะทำให้เห็นผลได้ เพราะเรามีแผนก้าวสู่ Net-Zero ด้วยกลยุทธ์ ESG เป็นโร้ดแมปอยู่แล้ว" กรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC ให้ความมั่นใจ

นอกจากนี้ กลุ่มเอสซีจี ยังมีจุดยืนในการดูแลคู่ค้า คู่ธุรกิจ ชุมชน สังคมทุกภาคส่วน (Stakeholders) ให้มีความเข้มแข็งเติบโตยั่งยืน ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิต เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงทางเศรษฐกิจและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ที่ต้องผลักดันให้เกิดผลในทางปฏิบัติเป็นพันธกิจที่ต้องดำเนินการควบคู่ไปด้วยเสมอ