LEO พร้อมลอยลมบนต่อเนื่อง หลังกำไรปีที่ผ่านมาทะลุ 3 พันล้านบาท สร้างสถิติเป็นประวัติการณ์

บมจ. ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ด้วยการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่เป็นครั้งที่ 4 หลังจากทำได้ติดต่อกันมา 3 ไตรมาส โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 76.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 449% จากงวดเดียวกันปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 14  ล้านบาท ตามรายได้รวมที่ขยายตัว 270% จาก 338 ล้านบาท เป็น 1,251.5  ล้านบาท

สำหรับกำไรทั้งปี บริษัทฯ สามารถสร้างสถิติเป็นประวัติการณ์เช่นกัน เมื่อมีกำไรสุทธิ 198.8 ล้านบาท ขยายตัว 250% YoY ขณะที่รายได้รวมสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3,000 ล้านบาท ถึง 10% โดยทำได้ 3,369.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 198% YoY 

ทั้งนี้ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO อธิบายสาเหตุที่ทำให้ผลดำเนินงานทั้งปี 2564 สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ของบริษัทฯ ว่า ได้ปัจจัยสนับสนุนจากการที่ในปีก่อน เกิดปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และผู้ส่งออกไม่สามารถหาพื้นที่ บนเรือเพื่อส่งออกสินค้าได้เพียงพอกับความต้องการ ประกอบกับอัตราค่าระวางมีการปรับเป็นขาขึ้น ทำให้รายได้เติบโตทั้งด้านราคาและปริมาณการขนส่ง ส่งผลต่อเนื่องให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ปรับสูงขึ้น

ยิ่งบริษัทฯ มีสายการเดินเรือหลายรายร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ จึงทำให้สามารถสรรหาพื้นที่บนเรือ ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ได้มากขึ้นถึง 42% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านั้น ขณะเดียวกัน ลูกค้าหลักของบริษัทฯ มีการใช้บริการอย่างต่อเนื่องในอัตราสูงเกิน 90% ช่วยให้ผลดำเนินงานปีก่อนเติบโตก้าวกระโดด และน่าจะส่งผลบวกต่อเนื่องมายังปีนี้ โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตจากธุรกิจเดิม 20-25% แต่หากรวมธุรกิจใหม่จะเติบโต 30-35% เพราะบริษัทฯ มีการเสริมความแข็งแกร่งในการให้บริการอย่างครบวงจรมากขึ้น

ประการแรก การเปิดให้บริการ LEO Self-Storage #2 และบริการลานรับฝากเก็บตู้ คอนเทนเนอร์แห่งที่สอง โดยบริการ LEO Self-Storage China Town สาขา 2 ที่ตลาดน้อย ใกล้ย่านเยาวราช มีการเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอีก 2,000 ตารางเมตร ให้บริการครบครัน ทั้งห้องปรับอากาศและห้องธรรมดา สิ่งอำนวยความสะดวก และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง   

ส่วนบริการลานรับฝากเก็บตู้ คอนเทนเนอร์แห่งที่สองของ YJCD บริเวณถนนบางนา กม. 21 ปัจจุบันกำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงพื้นที่ คาดว่า จะพร้อมเปิดให้บริการในไตรมาส 2 

ประการที่สอง การจับมือกับ China Post ให้บริการขนส่งทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน-ยุโรป จะส่งผลดีให้บริษัทฯ ซึ่งเป็น Exclusive Partner เพียงรายเดียวในไทย ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการจัดหาสินค้าจากไทยส่งไปจีน ซึ่งในขณะนี้ได้รับความสนใจจากลูกค้าของบริษัทฯ เป็นจำนวนมาก คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการนี้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ก่อนค่อยๆ เติบโตเป็นลำดับ ภายในไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2565 

นอกจากนี้ บริษัทฯ และ China Post ยังมีแผนเพิ่ม Capacity ของสายการบิน China Post Airline เส้นทาง กรุงเทพฯ - คุนหมิง โดยมีแผนเพิ่มเที่ยวบิน และนำเครื่องบินขนาดใหญ่ขึ้นเข้ามาบินเสริม ช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายนปีนี้ เพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐที่ต้องการผลักดันและส่งเสริมการเพิ่มยอดการส่งออกผลไม้ เช่น มะม่วง ทุเรียน มังคุด มะพร้าว ไปยังจีน  

ขณะเดียวกัน China Post ยังมีแผนใช้ไทยเป็น Logistics Hub สำหรับการจัดส่งสินค้า E-commerce ใน ASEAN โดยจะทำคลังสินค้าเพื่อกระจายและจัดส่งสินค้า คาดว่าโครงการนี้จะช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจโลจิสติกส์ของ LEO ให้เติบโตก้าวกระโดดได้อีกช่องทางหนึ่ง 

ประการสุดท้าย บริษัทฯ เตรียมสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านการทำข้อตกลงซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ธุรกิจโลจิสติกส์เพิ่มเติม ต่อจากบริษัท เวิร์ลแอร์ โลจิสติกส์ เน้นไปที่ธุรกิจโลจิสติกส์ในภูมิภาคเอเชีย อย่างเวียดนาม เเละอินโดนีเซีย