301 จำนวนผู้เข้าชม |
NV หุ้น IPO ตัวสุดท้ายปีนี้ เจอภาวะตลาดบางเบา กดราคาต่ำจอง 13%
การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ ของ บมจ. โนวา ออร์แกนิค (NV) สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 6.90 บาท เมื่อราคาหุ้นต่ำกว่าจองตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 6.80 บาท ต่ำกว่าจอง 10 สตางค์ ก็มีแรงซื้อหนุนให้ราคาปรับขึ้นไปแตะ 7 บาท แต่หลังจากนั้น มีแรงขายกระจายตัวออกมาเป็นระยะๆ กดราคาหุ้นลงเป็นลำดับ กระทั่งแตะจุดต่ำสุดที่ 5.90 บาท ก่อนจะมีแรงซื้อดันราคาให้กระเตื้องขึ้นเล็กน้อย มาปิดที่ 6 บาท ติดลบ 90 สตางค์ หรือต่ำจอง 13%
ซึ่งทางแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นจาก GBX มองว่า การที่ราคาหุ้นต่ำจอง น่าจะมีผลจากภาวะตลาดที่ซบเซา สังเกตได้จากมูลค่าการซื้อขายที่บางตาลงไปจากระดับเฉลี่ยวันละ 6 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 5.7 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม หุ้น NV ยังมีปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจหลายประการ ทั้งกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง แทบจะไม่มีหนี้ เพราะมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำเพียง 0.27 เท่า ทำให้มีความสามารถที่จะขยายธุรกิจได้อีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีหน้า น่าจะเห็นการฟื้นตัวของผลดำเนินงานที่แข็งแกร่งได้ทันที
โดย GBX ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าไว้สูงที่สุด 8.50 บาท ขณะที่โนมูระ พัฒนสิน (CNS) และเคทีบี ประเทศไทย (KTBST) ให้ราคาเป้าหมายปีหน้าที่ 8 บาท และ 7.70 บาท ตามลำดับ
ด้านนายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NV กล่าวเสริมว่า บทเรียนจากการพึ่งพิงสินค้าตัวใดตัวหนึ่งมากเกินไปที่เกิดในครึ่งปีแรก ทำให้บริษัทฯ หันมาจำหน่ายผลิตภัณฑ์อย่างหลากหลาย เพื่อให้รายได้มีการกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งเมื่อกระแสข่าวเชิงลบเกี่ยวกับการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อีกทั้งแรงกดดันจากประเด็นการโฆษณาสรรพคุณคลายตัวลงไป ทำให้สินค้าที่เคยได้รับผลกระทบกลับมาทำตลาดได้ดีขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่า จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลดำเนินงานอย่างเด่นชัดตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เป็นต้นไป
สำหรับปีหน้า บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 4-5 รายการ นอกเหนือจากสินค้าเดิมที่มีฐานลูกค้าอยู่แล้ว อีกทั้งเตรียมขยายช่องทางจำหน่ายให้หลากหลายขึ้น โดยตลาดในประเทศ จะเพิ่มบริการสั่งซื้อผ่านโทรศัพท์ขึ้นอีกเท่าตัว จากปัจจุบัน 250 คู่สาย เป็น 500 คู่สาย ขณะที่ตลาดต่างประเทศ พร้อมเดินหน้าแผนเปิดตลาดจีนอีกครั้ง หลังจากสะดุดตัวลงจากผลกระทบของสถานการณ์โควิดในปีนี้ ด้วยการกระจายสินค้าต่างๆ ผ่านร้านวัตสันกว่า 5,000 แห่ง เมื่อจีนเปิดประเทศ ซึ่งคาดว่าจะเป็นในช่วงไตรมาส 2 จึงเชื่อมั่นว่า ผลดำเนินงานปีหน้าจะกลับมาเติบโตโดเด่นกว่าปีนี้ และสูงกว่าปี 2563 ด้วย