กระแสหุ้น IPO ปีนี้ยังแรงไม่ตก น้องใหม่ TRV ให้ผลตอบแทนเกิน 80%

TRV ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองตลอดการซื้อขายวันแรก คิดเป็นผลตอบแทนเกิน 80% 

การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) ของ บมจ. ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม 3 กลุ่ม ได้แก่ ยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และกลุ่มอื่นๆ เช่น ชิ้นส่วนยางในเครื่องจักรการเกษตร ท่อประปา ไม่สร้างความผิดหวังให้นักลงทุนที่สามารถจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวน 54.56 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท ได้ เพราะราคาหุ้นสามารถยืนเหนือจองได้ตลอดทั้งวัน

โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 4.72 บาท สูงเกินราคาจอง 2.42 บาท หรือ 105% มีแรงซื้อโถมเข้ามา ดันราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 5.35 บาท จากนั้นจึงปรับฐานลงมาแกว่งบริเวณ 4.80 - 4.90 บาท ตลอดการซื้อขายภาคเช้า ก่อนจะถูกเทขายทำกำไรออกมาเป็นระยะๆ ในภาคบ่าย กระทั่งปิดตลาดแตะจุดต่ำสุดของวัน ที่ 4.20 บาท สูงกว่าราคาจอง 1.90 บาท หรือคิดเป็นผลตอบแทน  ปิดเทรดวันแรก 4.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.90 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 82.61%  

ซึ่งทางผู้บริหาร TRV ธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ, ที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด และแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น บมจ.หลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ต่างก็พอใจกับกระแสตอบรับในการซื้อขายวันแรก ด้วยเหตุผลคล้ายๆ กันว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ และโอกาสทางธุรกิจ โดยเฉพาะการขยายตลาดไปในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 นี้  ช่วยผลักดันผลดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน เงินที่ได้จากการระดมทุน ยังจะช่วยสนับสนุนแผนขยายกำลังการผลิต และการแข่งขันในตลาด เพื่อรองรับโอกาสเติบโตใน 3-5 ปีนี้ ในฐานะหนึ่งในผู้นำชิ้นส่วนยางขึ้นรูป ที่ลูกค้าและพันธมิตรให้ความไว้วางใจ ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืน ในที่สุด  

สำหรับผลดำเนินงานของ TRV ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2561 – 2563) บริษัทฯ มีรายได้รวม (กำไรสุทธิ) อยู่ที่ 146.40 ล้านบาท (23.59 ล้านบาท), 168.55 ล้านบาท (25.27 ล้านบาท) และ 159.65 ล้านบาท (21.20 ล้านบาท) ตามลำดับ ขณะที่ผลดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้ 134.21 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 22.03 ล้านบาท ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ในอัตรา 17.34 % และ 43.80% ตามลำดับ