325 จำนวนผู้เข้าชม |
นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยถึงแนวโน้มผลดำเนินงานไตรมาส 4 ปีนี้ ว่า มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ติดต่อกันเป็นไตรมาสที่สี่ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากปริมาณการขนส่ง และค่าระวางเรือคอนเทนเนอร์ที่ประคองตัวในระดับสูง ประกอบกับเป็นช่วงไฮซีซั่นในการขนส่งสินค้า E-Commerce รับเทศกาล sale ของบรรดา E-Commerce Platform ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเทศกาล 10/10 ,11/11 หรือ Black Friday ต่อเนื่องไปถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ผลักดันรายได้และกำไรให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า
"แนวโน้มผลดำเนินงานปีนี้ คาดว่าจะสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพราะบริษัทฯ สามารถเดินตามแผนและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ก่อนหน้า โดยมีความเป็นไปได้ว่า รายได้ทั้งปีจะทะลุ 3.0 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับที่ทำได้ปีก่อน ราว 1.1 พันล้านบาท ขณะที่ 9 เดือนแรก มีรายได้รวม 2.1 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 121.92 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อน ที่มีกำไรทั้งปี 56.88 ล้านบาท” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO สรุปประเด็น
สำหรับแผนงานในโค้งสุดท้ายปีนี้ บริษัทฯ มีแผนเปิดบริการ Soft opening LEO Self Storage สาขาที่สอง LSS China Town บริเวณถนนเจริญกรุงใกล้ย่านเยาวราช ภายในเดือนธันวาคมนี้ โดยสาขาใหม่นี้ บริษัทฯ ตั้งใจทำให้เป็น Flagship store ของ LEO Self Storage จึงมีการเพิ่มพื้นที่ขึ้น 2,000–3,000 ตารางเมตร เพื่อให้บริการได้อย่างครบวงจรมากยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังพร้อมเดินหน้าแผนพัฒนาบริการขนส่งครบวงจร การจัดเก็บและกระจายสินค้าภายในประเทศ พร้อมกับพัฒนาบริการสำหรับตลาดและลูกค้ากลุ่ม E-Commerce / Social Commerce ผ่านบริการ E-fulfilment Centre ในการขนส่งสินค้าทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงบริการใหม่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย ดิสทริบิวชั่น ซึ่งได้มีการเซ็น MOU ในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
ส่วนความคืบหน้าการทำ M&A กับผู้ประกอบการโลจิสติกส์ในประเทศไทย คาดว่า จะบรรลุข้อตกลงกับบริษัทผู้ให้บริการโลจิสติกส์เร็วๆ นี้ โดยน่าจะสามารถทำความตกลงได้ภายในปีนี้ เพื่อให้รับรู้รายได้ทันทีในปีหน้า ปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีการพัฒนาการให้บริการร่วมกับ China Post เพื่อทำหน้าที่เป็น "One-Stop Service Provider" ให้กับผู้ประกอบการ E-Commerce ให้สามารถนำเข้าและส่งออกสินค้าจากประเทศจีน พร้อมกับกระจายสินค้าไปยังปลายทางทั่วโลกอีกด้วย ซึ่งการเป็นพันธมิตรกับ China Post ทำให้มีความเชื่อมั่นว่า แนวโน้มผลดำเนินงานปีหน้ามีโอกาสสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง จากการที่ China Post วางแผนการขนส่งทางรางด้วยรถไฟความเร็วสูง ลาว-จีน โดยจะให้ LEO เป็น Exclusive Partner และยังได้วางแผนให้ประเทศไทยเป็น Logistic Hub ด้าน E-commerce ใน ASEAN อีกด้วย