1624 จำนวนผู้เข้าชม |
นางสาวออมสิน ศิริ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. หลักทรัพย์ บียอนด์ (BYD) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น บมจ.บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป (BKA) เปิดเผยว่า การเปิดเสนอขายหุ้นสามัญครั้งแรกแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.80 บาท ระหว่างวันที่ 8-10 เมษายนที่ผ่านมา ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างท่วมท้น จนสามารถปิดยอดขายได้ตั้งแต่วันแรก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ในฐานะผู้นำเรื่องบ้านมือสอง ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจยาวนานกว่า 12 ปี รวมถึงศักยภาพการเติบโต ดูได้จากกำไรสุทธิที่เติบโตต่อเนื่อง จาก 21.44 ล้านบาท ในปี 2565 เพิ่มเป็น 22.27 ล้านบาท และ 36.82 ล้านบาท ในปี 2566 และปี 2567 ตามลำดับ ถึงแม้รายได้จากการดำเนินงานจะมีความผันผวนบ้าง และโอกาสการเติบโตในอนาคต จากการให้บริการปรับปรุงบ้านมือสองเพื่อขาย หรือธุรกิจบ้านแต่ง (Flipping) ที่สามารถสร้างผลตอบแทนสูง และเป็นช่องทางสร้างรายได้หลักในสัดส่วนสูงกว่า 77% ของรายได้ทั้งหมด รวมถึงการได้ปัจจัยหนุนจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว กระตุ้นให้ความต้องการซื้อบ้านมือสองเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่า การเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) วันที่ 22 เมษายนนี้ จะได้รับการตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง
ด้านนายพชร ธนวงศ์เกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BKA เสริมว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับบริษัทฯ ขึ้นเป็นผู้นำธุรกิจบ้านมือสองที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งธุรกิจบ้านแต่ง ธุรกิจบ้านฝาก ที่ให้บริการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ทุกประเภท และธุรกิจบ้านตัด หรือธุรกิจที่บริษัทฯ ซื้อบ้านมือสองในราคาที่คุ้มค่า มาทำการปรับปรุงเพื่อขาย ด้วยการออกแบบที่สวยงาม งานซ่อมแซมที่มีคุณภาพ พร้อมรับประกันผลงานและให้บริการหลังการขาย และธุรกิจบ้านแต่ง จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ลงทุนขยายพอร์ตธุรกิจบ้านแต่ง ซึ่งจำเป็นต้องใช้เงินวางประกันให้กับเจ้าของบ้านก่อนเข้าปรับปรุงบ้าน และรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงบ้านเองทั้งหมด รวมถึงนำไปพัฒนาธุรกิจ Property Technology (Prop Tech) โดยสร้าง Platform ตัวกลางในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ที่มีการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาข้อมูลให้กับผู้ต้องการซื้อ และเทคโนโลยีระบบเสมือนจริง (Virtual Reality) ช่วยให้ผู้ที่ต้องการซื้อได้เห็นภาพบ้านเสมือนจริงผ่านระบบออนไลน์ เพิ่มโอกาสเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งผู้ต้องการซื้อและขายบ้าน ได้ในวงกว้างมากขึ้น สนับสนุนให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะกลาง พร้อมเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ขณะที่นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส (Advisory Plus) ที่ปรึกษาทางการเงิน ปิดท้ายว่า การนำเงินที่ได้จากการระดมทุนมาใช้ขยายธุรกิจบ้านแต่ง และพัฒนาธุรกิจ Prop Tech จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ BKA มีขีดความสามารถในการซื้อบ้านมือสองที่ติดเป็นสินทรัพย์ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPA) จากสถาบันการเงิน บริษัทบริหารสินทรัพย์ หรือกรมบังคับคดี ได้มากขึ้น ช่วยให้มีตัวเลือกที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการผู้อยากมีบ้านได้ตรงจุดมากขึ้น เนื่องจากบ้านมือสองมีข้อได้เปรียบทั้งเรื่องทำเล พื้นที่ใช้สอย และราคาที่คุ้มค่ากว่าบ้านใหม่ โดยเฉพาะบ้านที่มีระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป ยังมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพิ่มโอกาสผลักดันการเติบโตของรายได้และกำไรให้สูงขึ้น สังเกตได้จากบทวิเคราะห์ของ 4 บริษัทหลักทรัพย์ที่ร่วมเป็นผู้จัดจำหน่ายหุ้น IPO ที่คาดการณ์กำไรสุทธิปี 2568 จะเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อนที่ทำได้ 36.82 ล้านบาท ขึ้นมาสูงกว่า 72 ล้านบาท ก่อนเติบโตต่อเนื่องเป็นเลข 2 หลักในปี 2569 เหนือ 83 ล้านบาท ทำให้ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 4.60 - 5.30 บาท
ที่สำคัญ ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้งบริษัทฯ ซึ่งถือหุ้นรวมกัน 62.14% ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด พร้อมใจกัน Lock Up หุ้นทั้งหมดเป็นระยะเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่หุ้นเข้าซื้อขายวันแรก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่ง