ORN วางเป้ารายได้ปี 2568 โต 60% แม้ภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังอ่อนแรง
1443 จำนวนผู้เข้าชม |
นายปรีดิกร บูรณุปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อรสิริน โฮลดิ้ง (ORN) ร่วมกันเปิดเผยแผนธุรกิจปี 2568 ว่า พร้อมมุ่งเน้นการเติบโตทั้งจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก และการต่อยอดธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างรายได้ประจำช่วยขับเคลื่อนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมีความยั่งยืน
โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ที่ 2,218 ล้านบาท หรือเติบโตจากปีก่อนประมาณ 60% ขับเคลื่อนจากการวางกลยุทธ์การตลาด และการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ และสร้างโอกาสทางธุรกิจ ผลักดันยอดขายจากโครงการต่างๆ ทั้งที่เปิดตัวแล้ว 27 โครงการ (แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 14 โครงการ และแนวสูง 13 โครงการ) มูลค่ารวมประมาณ 4,551 ล้านบาท และการเปิดตัว 3 โครงการใหม่ ช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ (ประกอบด้วย โครงการบ้านหรูสไตล์ Neo Classic HABITAT มูลค่าโครงการ 568 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี THE ASTRA มูลค่าโครงการ 1,380 ล้านบาท และโครงการคอมมูนิตี้มอลล์ THE BACKYARD ขนาด 4,000 ตารางเมตร มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท) มูลค่ารวม 2,148 ล้านบาท โดยยังคงให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ตอบทุกไลฟ์สไตล์ การเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ก่อสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มีมาตรฐาน ควบคุมคุณภาพทุกขั้นตอน และการตั้งราคาขายที่สมเหตุสมผล เพื่อส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพ และความคุ้มค่า เพิ่มยอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้สูงขึ้นจากที่ทำได้ล่าสุดราว 1,763 ล้านบาท สร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่องอีก 2-3 ปีข้างหน้า
สำหรับธุรกิจใหม่ โรงเรียนนานาชาติ Mill Hill International School Thailand ปัจจุบันการก่อสร้างเฟสแรกประกอบด้วย อาคารอำนวยการ และอาคารเรียนชั้นปฐมวัย แล้วเสร็จตามแผน และกำลังเดินหน้าก่อสร้างในเฟสสอง รวม 4 อาคาร เพื่อให้สามารถเปิดทำการเรียนการสอน ตั้งแต่ระดับอนุบาล ถึงเกรด 6 ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ พร้อมรับรู้รายได้ทันทีตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายปีนี้เรื่อยไป และมีแผนจะขยายชั้นเรียนออกไปถึงเกรด 13 ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของรายได้ในระยะยาว
ขณะเดียวกัน เพื่อเตรียมต่อยอดการเติบโตในระยะต่อไป บริษัทฯ ได้วางงบลงทุนปีนี้ที่ 2,595 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 500 ล้านบาท ใช้เพื่อลงทุนซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่ และภูเก็ต อีก 1,469 ล้านบาท ใช้เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ที่เหลือ 626 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงการดำเนินงาน การก่อสร้าง ตามแนวทาง ESG
