13 จำนวนผู้เข้าชม |
นายวสิษฐ แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. เบทาโกร (BTG) เปิดเผยว่า เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในภูมิภาคอาเซียน บริษัทฯ มองหาโอกาสขยายธุรกิจไปยังตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพสูงอย่างต่อเนื่อง และล่าสุด ได้เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นบริษัท Eggriculture Foods ผู้ผลิตไข่ไก่ครบวงจรรายใหญ่สุดในสิงคโปร์ จากกลุ่ม Radiant Grand International ในสัดส่วน 75% คิดเป็นเงินกว่า 1,900 ล้านบาท เนื่องจาก 2 เหตุผล ประการแรก สิงคโปร์เป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับอาหารที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูง อีกทั้งยังมีนโยบายความมั่นคงทางอาหาร ที่รัฐบาลตั้งเป้าผลิตอาหารเพื่อบริโภคภายในประเทศให้ได้ 30% ภายในปี 2573 ช่วยสนับสนุนการเติบโตของตลาด ประการที่สอง Eggriculture ครองส่วนแบ่งตลาดไข่ไก่ในสิงคโปร์สูงถึง 20% และมีการเติบโตของรายได้ช่วง 3 ปีย้อนหลัง (ปี 2564-66) เฉลี่ยปีละ 27.1% ช่วยเพิ่มความสามารถทำกำไรโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งในเบื้องต้น บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้จากตลาดสิงคโปร์ปีนี้เติบโต 400% จากปีก่อน
ขณะที่นายชยธร แต้ไพสิฐพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานกลยุทธ์และนวัตกรรม เสริมว่า การซื้อกิจการ Eggriculture ครั้งนี้ จะสร้าง Synergy ของทั้ง 2 องค์กรได้ในหลายมิติ โดย BTG จะนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 57 ปี ในฐานะผู้นำธุรกิจอาหารและเกษตรอุตสาหกรรมครบวงจรชั้นนำระดับสากล มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของ Eggriculture ในด้านการจัดการฟาร์ม การพัฒนาสายพันธุ์สัตว์ สูตรอาหารสัตว์ และการใช้เทคโนโลยีทันสมัยเพื่อเพิ่มผลผลิต และใช้เครือข่ายจำหน่ายที่แข็งแกร่งของ Eggriculture ทั้งช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และช่องทางบริการอาหาร (HORECA) ครอบคลุมทั้งโรงแรม ร้านอาหาร และบริการจัดเลี้ยง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์เบทาโกร รวมถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารให้หลากหลาย เพื่อตอบสนองความต้องการและรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ขยายฐานลูกค้าในวงกว้างมากขึ้น พร้อมกับช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัย และคุณภาพของผลิตภัณฑ์อาหารให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก สร้างโอกาสก้าวขึ้นเป็นผู้นำอุตสาหกรรมอาหารในอาเซียนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน อย่างที่หวังไว้ได้เร็วขึ้น
ส่วนนายหม่า ชิน ชิว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Eggriculture ทิ้งท้ายว่า การที่ BTG มีความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ที่หลากหลายในอุตสาหกรรมอาหาร จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถเสริมสร้างโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถตอบสนองต่อนโยบายด้านความมั่นคงทางอาหารของรัฐบาลสิงคโปร์ได้อย่างเต็มรูปแบบ