1690 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) รายงานผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปีนี้ มีกำไรสุทธิ 379.41 ล้านบาท ลดลง 17.86% จากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่หากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติจะอยู่ที่ 460.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.17% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หนุนจากรายได้จากการขายและให้บริการที่เติบโต 22.16% เป็น 2,667.60 ล้านบาท โดยเฉพาะธุรกิจก่อสร้างและให้บริการที่เติบโตสูงถึง 50.14% สร้างรายได้กว่า 942.42 ล้านบาท และการขายไฟฟ้าบนหลังคาให้กับภาคเอกชน (Pivate PPA) ที่เติบโต 23.91% เป็น 517.23 ล้านบาท ซึ่งถูกจัดให้เป็นรายได้ที่เกิดจากการขายทรัพย์สินตามสัญญาเช่าเงินทุน ตามหลักมาตรฐานทางบัญชีล่าสุด เพราะเป็นสัญญาระยะยาว 10-15 ปี
แต่ถูกบั่นทอนจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและการร่วมค้าที่ลดลง 27.14% มาอยู่ที่ 194.68 ล้านบาท ตามปริมาณกระแสไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ลดลงจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป พร้อมกับกดดันให้ผลดำเนินงานงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิลดลง 16.69% มาอยู่ที่ 1,140.84 ล้านบาท ซึ่งหากตัดรายการพิเศษออกไป กำไรปกติจะลดลงเพียง 1.57% โดยทำได้ 1,193.48 ล้านบาท ทั้งที่รายได้จากการขายและให้บริการจะเติบโต 26.74% มาเป็น 7,475.63 ล้านบาท เกือบเท่ารายได้ทั้งปีที่ทำได้ 7,566.35 ล้านบาท ในปี 2565 และ 7,737.13 ล้านบาท ในปี 2566 แล้ว
โอกาสนี้ นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร GUNKUL ออกมายืนยันเป้าหมายการดำเนินธุรกิจ 2 ปีนี้อีกครั้งว่า น่าจะเห็นรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยมีความเป็นไปได้สูงว่า ปีนี้จะทำได้แตะ 9,000 ล้านบาท ก่อนทะยานแตะระดับ 10,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต ตามที่มุ่งหวัง สาเหตุจากการที่โครงสร้างธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ มีส่วนสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการเติบโตของประเทศ และเทรนด์ธุรกิจพลังงานในอนาคต ที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากแผนขยายการลงทุนโครงการพลังงานสะอาดในรูปแบบต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ ได้มีการเข้าร่วมการเปิดรับซื้อไฟฟ้าพลังงานสะอาดของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) รอบ 2 แล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาและศึกษาโครงการต่างประเทศอีกหลายโครงการ ซึ่งจะสนับสนุนให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน สามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าอย่างมั่นคงให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน