OKJ ร้อนแรงไม่เลิก เหนือจองกว่า 60% จนติด Cash Balance

การเข้าซื้อขายวันแรกของ บมจ. ปลูกผักเพราะรักแม่ (OKJ) ไม่สร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน โดยเฉพาะคนที่ได้หุ้นจอง เมื่อราคาหุ้นยืนเหนือจองได้ตลอดวัน โดยหลังจากเปิดตลาดที่ 10.10 บาท สูงกว่าราคาจองที่ 6.70 บาท ถึง 3.40 บาท ให้ผลตอบแทนกว่า 50.75% หลังจากนั้น มีแรงซื้อหนุนเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาหุ้นค่อยๆ ไต่ขึ้นไปเหนือ 11 บาท และ 12 บาท ตามลำดับ กระทั่งแตะจุดสูงสุดของวันที่ 12.50 บาท ก่อนจะปิดตลาดที่ 12.40 บาท เหนือจอง 5.70 บาท คิดเป็นผลตอบแทน 85.07% ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 4,678 ล้านบาท

ความร้อนแรงของหุ้น OKJ ยังดำเนินต่อไป ในการซื้อขายวันที่สอง เมื่อมีแรงซื้อกระจายตัวเข้ามาในภาคเช้า ดันราคาหุ้นทะยานแตะจุดสูงสุดใหม่ ที่ 14.60 บาท หลังจากนั้น ถึงเผชิญแรงขายทำกำไรที่โถมออกมาอย่างหนาแน่น กดราคาหุ้นให้อ่อนตัวลงเป็นลำดับ แต่ก็ไม่หลุด 12.70 บาท ก่อนจะแกว่งในกรอบแคบๆ บริเวณ 12.40-13.20 บาท ตลอดทั้งสัปดาห์ กระทั่งเริ่มพักฐานในสัปดาห์ต่อมา เมื่อดัชนีตลาดหุ้นไทยทะยานขึ้นมาใกล้ 1,500 จุด แต่ยังยืนระยะได้ในกรอบ 11-12 บาท สูงกว่าราคาจองมากกว่า 60% และติด Cash Balance ตั้งแต่การซื้อขายวันที่ 21 ตุลาคม ถึง 8 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ได้รับคำอธิบายจากนายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ บัวหลวง (BLS) ที่ปรึกษาทางการเงิน และแกนนำการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นว่า เกิดจากนักลงทุนเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งโอกาสการเติบโตที่สูงของธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมกะเทรนด์ของโลก รวมถึงการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุของไทย และความแข็งแกร่งของแบรนด์โอ้กะจู๋ จากการเป็นผู้นำธุรกิจร้านอาหารสุขภาพระดับพรีเมี่ยม ที่ใช้วัตถุดิบคุณภาพสูง สร้างคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ มีการคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย อีกทั้งยังเป็นผู้นำในการสร้างเทรนด์ผลิตภัณฑ์ และเมนูเพื่อสุขภาพที่แปลกใหม่ (Trend setter) 

แต่ไม่ว่าราคาหุ้นจะเป็นอย่างไร นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ผู้ก่อตั้ง และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร OKJ ยังคงยืนยัน พร้อมเดินหน้าต่อยอดการเติบโตในฐานะ King of Organic Salad ของไทย โดยใช้ความเชี่ยวชาญ องค์ความรู้ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ และความพร้อมด้านบุคลากร สร้างสรรค์เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ ที่มีรสชาติอร่อย แปลกใหม่ ทานง่าย เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของของลูกค้าและผู้บริโภคที่มีความหลากหลาย สามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการใช้เงินระดมทุนในตลาดหล้กทรัพย์ฯ ขยายธุรกิจ ภายใต้แผนงาน 5 ปี (ปี 2567-71) เชิงรุก ที่มุ่งเน้นพัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์เพื่อเพิ่มผลผลิต เพิ่มสายการผลิตสินค้าเพิ่มเติมที่ครัวกลางในกรุงเทพฯ เพิ่มกำลังการผลิต และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่คุณค่า (Value chain) เพื่อให้สามารถจัดส่งผลผลิตที่สดใหม่จากสวนถึงหน้าร้านสาขาภายใน 28 ชั่วโมง ควบคู่ไปกับพัฒนาเมนูและผลิตภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงใช้จุดแข็งในการทำเกษตรอินทรีย์มาพัฒนาเป็นธุรกิจใหม่ๆ เช่น การจำหน่ายและบริการวางแผนมื้ออาหาร (Meal plan) และการจัดเลี้ยง (Catering)

พร้อมทั้งขยายสาขาร้านอาหารโอ้กะจู๋ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมถึงหัวเมืองหลักในภูมิภาคต่างๆ ไม่ว่าจะป็นร้านอาหารที่ให้บริการเต็มรูปแบบ (Full Service Restaurant) หรือร้านอาหารในรูปแบบ Deliver & Kiosk เพิ่มจาก 37 สาขา เป็น 67 สาขา พร้อมทั้งขยายแบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll เพิ่มจากสาขาเดียว เป็น 20 สาขา และขยายแบรนด์ Oh Juice เพิ่มจาก 8 สาขา เป็น 70 สาขา ตลอดจนเพิ่มช่องทางการให้บริการแบบไดร์ฟทรู (Drive Thru) หรือการสั่งอาหารทางออนไลน์ Food Delivery Platform ต่างๆ เพื่อตอบทุกโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคให้ได้อย่างครอบคลุม ซึ่งจะทำให้รายได้เติบโตเฉลี่ยปีละไม่ต่ำกว่า 40% โดยมีสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ใหม่ๆ เพิ่มจาก 5% เป็น 20%