SPA เชื่อ ผลงานไตรมาส 3 ฟื้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ก่อนโตเด่นไตรมาส 4 รับย้ายซื้อขายกระดานใหญ่

4783 จำนวนผู้เข้าชม  | 

SPA เชื่อ ผลงานไตรมาส 3 ฟื้นจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ก่อนโตเด่นไตรมาส 4 รับย้ายซื้อขายกระดานใหญ่


หลังจาก บมจ. สยามเวลเนสกรุ๊ป (SPA) ผู้นำธุรกิจสปาและเวลเนสของไทย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (mai) ได้เกือบครบ 10 ปี โดยเข้าซื้อขายวันแรกเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ปี 2557 ล่าสุด บริษัทฯ ตัดสินใจย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หมวดธุรกิจท่องเที่ยวและสันทนาการ (Tourism) ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มศักยภาพการดำเนินงาน ให้สอดรับกับเมกะเทรนด์ทั้งธุรกิจท่องเที่ยวและสุขภาพที่มีโอกาสเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ผลักดันการเติบโตอย่างโดดเด่นและยั่งยืน มุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจสปาและเวลเนสในภูมิภาคเอเชีย (Asia’s Regional Spa Leader) สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่อง

โอกาสนี้ นายวิบูลย์ อุตสาหจิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPA บอกว่า การย้ายเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ดีให้กับบริษัทฯ จากการต่อยอดความแข็งแกร่งของแบรนด์ พอร์ตการทำธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ การใช้กลยุทธ์การทำธุรกิจแบบ Data-Driven ผสมผสานไปกับการทำตลาดเชิงรุก และขยายสาขาเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าทุก segment รวมถึงยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศสามารถลงทุนได้มากขึ้น

สำหรับภาพระยะสั้น ครึ่งหลังปีนี้ บริษัทฯ ยังคงตั้งเป้าหมายรายได้ทั้งปีที่ 1,700 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 15% เพราะภาพธุรกิจในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หนุนจากหลายปัจจัย ทั้งช่วงวันหยุดของตลาดระยะใกล้ (School Holiday) กับตลาดระยะไกล (Summer Holiday) การเข้าสู่ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และการได้ประโยชน์จากมาตรการฟรีวีซ่าของรัฐบาล ช่วยผลักดันให้รายได้จากธุรกิจสปาที่เกิดจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และช่วยขยายฐานรายได้จากการรับบริหารธุรกิจรีสอร์ตและร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท ระริน วิลล่าส์ที่ จ. เชียงใหม่ ร้านอาหารเดควัน และโอบ คาเฟ่ แอนด์ มีล ตลอดจนธุรกิจผลิตภัณฑ์สปา แบรนด์ Let’s Relax Lifestyle และโรงเรียนสอนนวดแผนไทยและสปา ตามมาด้วย

 

 



 

 

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนขยายสาขาในทำเล Prime Area ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยว ในรูปแบบสาขาของบริษัทฯ เอง และรับบริหารสปาในโรงแรม ช่วงโค้งสุดท้ายของปีเพิ่มอีก 2-3 สาขา จากที่มี 73 สาขา ในครึ่งปีแรก แบ่งเป็นสปาระดับ 5 ดาว แบรนด์ ระรินจินดา 2 สาขา สปาระดับ 4 ดาว แบรนด์ Let’s Relax 57 สาขา (คิดรวม 2 สาขาในต่างประเทศแล้ว) ร้านนวดระดับ 3 ดาว แบรนด์ Baan Suan Massage 8 สาขา แบรนด์ Stretch me Clinic 4 สาขา และแบรนด์ Dr. Spiller Pure Skin Care Solutions 2 สาขา 

โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี คาดว่าจะมีการเปิดตัวโครงการ Flagship เป็นออนเซนแห่งที่ 3 Let’s Relax Onsen Lumpini บนพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ในโรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ ลุมพินี ใกล้สถานีรถไฟฟ้า MRT ลุมพินี ตรงข้าม One Bangkok เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวต่างขาติ ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัทฯ รวมถึงคนไทยที่ต้องการคลายความเหนื่อยล้าจากวันทำงาน สร้างรายได้เพิ่ม ก่อนจะเห็นการเติบโตอย่างโดดเด่นในปีหน้า 

สำหรับความเห็นนักวิเคราะห์ เบื้องต้น ค่ายทิสโก้ (TSC) และลิเบอเรเตอร์ (LIB) คิดตรงกันว่า การย้ายเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะทำให้หุ้นได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันมากขึ้น แต่คงต้องติดตามผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ประกอบด้วยว่าจะทำได้ดีเพียงไร เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อน (YoY) เพราะคาดการณ์รายได้ไตรมาส 3 จะฟื้นตัวจากไตรมาส 2 (QoQ) เป็นเลขสองหลักต้นๆ หนุนจากการขยายสาขาเพิ่ม 2 แห่งเป็น 75 สาขา และการเติบโตของลูกค้าต่างชาติ ผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาเหนือระดับ 30% อีกครั้ง ก่อนจะเติบโตทำสถิติสูงสุดของปีในไตรมาสสุดท้าย และเติบโตโดดเด่นขึ้นในปีหน้า โดย TSC ประเมินมูลค่าเหมาะสมที่ 10.50 บาท ส่วน LIB ให้ไว้ที่ 10.80 บาท        

 

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้