KKPS แนะครึ่งปีหลังสะสมหุ้นค้าปลีก โรงแรม อาหาร และสื่อสาร นำโดย ADVANC CPALL DOHOME GLOBAL MINT TRUE

กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคิน ภัทร (KKP) จัดงานสัมมนา 2024 Mid Year Outlook Seminar: Surfing a Sea of Opportunities Amid Geopolitical Tides  ฉายภาพเศรษฐกิจโลก พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนช่วงครึ่งหลังปี 2567 

โดยนายทวีศักดิ์ เผ่าพัลลภ หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจและการลงทุน บมจ. หลักทรัพย์เกียรตินาคิน ภัทร (KKPS) เปิดเผยว่า การที่เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตในวงกว้างมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ ที่ยังเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับลดลง ทำให้น่าจะเห็นธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดลดดอกเบี้ยได้ 1-2 ครั้ง ขณะที่ยุโรปก้าวข้ามภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้แล้ว ส่วนตลาดเกิดใหม่ไม่รวมจีน (Emerging Markets ex China) ยังเติบโตได้ดี ถึงแม้จะมีความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อลดช้ากว่าคาด ทำให้น่าจะเริ่มเห็นการเคลื่อนย้ายเงินทุนเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่ รวมถึงตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง 2567

อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยน่าจะเห็นภาพชัดในไตรมาสสุดท้ายของปี เพราะบรรยากาศการลงทุนในไตรมาส 3 ยังมีแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมือง และนโยบายต่างๆ มาบั่นทอนปัจจัยหนุนจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว ทำให้ประเมินว่า ตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านจากจุดต่ำสุดในไตรมาส 2 ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเริ่มคงที่ หรือไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก  

ขณะเดียวกัน ความท้าทายด้านภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เพิ่มขึ้น และคาดเดาได้ยาก โดยเฉพาะการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในไตรมาสสุดท้ายของปี ทำให้การลงทุนยังจำเป็นต้องเน้นความรอบคอบ เน้นหุ้นคุณภาพสูง และกระจายการลงทุนในพอร์ต โดยมีการลงทุนทั้งแบบเชิงรุก (Grow) และแบบจำกัดความเสี่ยง (Protect) ควบคู่กันไป 

นายแดเนียล ไฟน์แมน นักวางแผนกลยุทธ์ KKPS กล่าวถึงกลยุทธ์การลงทุนว่า แนะนำให้เพิ่มสัดส่วนการลงทุน (Overweight) หุ้นกลุ่มค้าปลีก โรงแรม อาหาร และสื่อสารโทรคมนาคม เนื่องจากมีแนวโน้มเติบโตดี รับการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยว

ในทางกลับกัน แนะนำให้ลดสัดส่วนการลงทุน (Underweight) หุ้นกลุ่มธนาคาร ไฟแนนซ์ สื่อและบันเทิง เคมี และอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากเศรษฐกิจกำลังเผชิญสภาวะสินเชื่อชะลอตัว และการลดลงของสัดส่วนหนี้สิน (deleveraging cycle) ปัญหาการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม และปัญหาการผลิตสินค้าเกินกำลังการผลิตในจีน

ขณะที่นายศิริชัย โฉลกพันธ์รัตน์ นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มค้าปลีก และนายชาตรี แพรวพรายกุล นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลและท่องเที่ยว KKPS เสริมว่า การที่ราคาหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับลดลงตั้งแต่ต้นปี ทำให้ระดับราคามีความน่าสนใจในเชิงมูลค่า (Valuation) แต่ต้องเลือกหุ้นลงทุน โดยเฉพาะหุ้นค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง อย่าง DOHOME (ราคาเป้าหมาย 13 บาท) และ GLOBAL (ราคาเป้าหมาย 18.40 บาท) น่าจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนช่วงครึ่งปีหลังได้สูงที่สุดในกลุ่ม ด้วยปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งตัวของการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐ ส่วน CPALL (ราคาเป้าหมาย 72 บาท) ได้อานิสงส์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและธุรกิจดิจิทัลวอลเล็ต

สำหรับหุ้นกลุ่มท่องเที่ยว เลือก MINT (ราคาเป้าหมาย 40 บาท) เป็นหุ้นเด่นกลุ่มโรงแรม เพราะมีรายได้หลักจากยุโรป ซึ่งกำลังเข้าสู่ไฮซีซั่นการท่องเที่ยว หนุนให้ผลประกอบการเติบโตดีในไตรมาส 2-3 นี้ อีกทั้ง Valuation อยู่ในระดับต่ำกว่าหุ้นในกลุ่มเดียวกันเฉลี่ยราว 10% และเลือก BH (ราคาเป้าหมาย 295 บาท) เป็นหุ้นเด่นกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งจำนวนผู้ป่วยต่างชาติจะเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง อีกทั้งความซับซ้อนของการรักษาที่สูงขึ้นจะส่งผลให้อัตรากำไรเพิ่มสูงขึ้นด้วย

ขณะที่หุ้นกลุ่มอาหาร ทาง KKPS ให้หนักกับหุ้นส่งออกไก่และหมู นำโดย BTG CPF GFPT และ TFG โดยมี OSP เป็นตัวแทนหุ้นส่งออกเครื่องดื่ม