SCBX ยุติให้บริการแอป Robinhood ไม่กระทบผลดำเนินงานปีนี้ ยังลงทุนเพื่อหวังปันผลสูงได้

หลังจาก บมจ. เอสซีบี เอกซ์ (SCBX) ประกาศแจ้งยุติการให้บริการแอปพลิเคชันโรบินฮู้ด (Robinhood) ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีผลทันทีวันที่ 31 กรกฏาคมนี้ หลังจากบรรลุภารกิจช่วยเหลือร้านค้า ไรเดอร์ ผู้ขับรถยนต์โดยสาร และคนตัวเล็กให้ก้าวผ่านช่วงวิกฤตโควิดได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยยอมแบกรับภาระขาดทุนมาตลอด 4 ปีกว่า 5.58 พันล้านบาท ดังนั้น เมื่อสถานการณ์การค้าและการลงทุนโดยรวมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ทางกลุ่ม SCBX จึงตัดสินใจยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคมเป็นต้นไป โดยก่อนเวลา 20.00 น. ลูกค้ายังคงสามารถใช้บริการได้ตามปกติ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทางกลุ่ม SCBX จะยังคงได้รับการสนับสนุนจากลูกค้า และพันธมิตรทางธุรกิจในส่วนแพลตฟอร์มอื่นๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ทั้งในปัจจุบัน และที่จะมีในอนาคตต่อไป

ผลกระทบที่จะเกิดกับหุ้น SCB ได้รับการยืนยันจากนักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารหลายสำนัก เช่น บัวหลวง (BLS) กรุงศรี (KSS) หยวนต้า (YUANTA) ดาโอ (DAOL) แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) ฟิลลิป (PLS) ว่า การยุติการให้บริการจะจำกัดเฉพาแอปพลิเคชัน Robinhood เท่านั้น แต่ยังคงบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ไว้ตามเดิม ทำให้มองเป็นลบในระยะสั้น เพราะทางกลุ่ม SCBX ต้องมีการบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ในไตรมาส 3 นี้ โดยนำส่วนของผู้ถือหุ้นมาหักกับขาดทุนสุทธิในครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการจ่ายเงินชดเชยพนักงานที่ถูกเลิกจ้างอีก 300 คน กระทบประมาณการกำไรปีนี้ ราว 2% ซึ่งไม่มีนัยสำคัญต่อผลดำเนินงานรวม แต่จะส่งผลบวกต่อผลดำเนินงานปีหน้าราว 4-5% เพราะไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนสุทธิจากบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส อีกต่อไป อีกทั้งยังมีโอกาสหารายได้จากธุรกิจอื่นที่มีศักยภาพในการเติบโตมาทดแทนได้ ดังนั้น จึงยังคงประมาณการกำไรปีนี้ และปีหน้าของหุ้น SCB ตามเดิม

ส่วนกลยุทธ์ลงทุน การอ่อนตัวของราคาหุ้นในระยะสั้น เป็นจังหวะซื้อเพื่อรับเงินปันผลที่สูงระดับ 7-10%