5376 จำนวนผู้เข้าชม |
ด้วยภาวะตลาดที่มีความผันผวนสูงและมีความไม่แน่นอนอยู่มากในระยะสั้น นอกจากนักลงทุนจะต้องกระจายความเสี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศแล้ว อาจต้องทอดเวลาการลงทุนให้ยาวขึ้น เพื่อมองข้ามความผันผวนของตลาดในระยะสั้น และให้ปัจจัยพื้นฐานสะท้อนการลงทุนที่ดีในระยะยาว
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนแบบ "ถัวเฉลี่ยต้นทุน" (Dollar-Cost Averaging - DCA) ซึ่งเป็นการทยอยการลงทุนเป็นงวดๆ ด้วยเงินจำนวนเท่าๆ กัน โดยไม่สนใจว่าราคาของสินทรัพย์ที่จะลงทุนขณะนั้นจะเป็นเท่าไร น่าจะช่วยลดความเสี่ยงจากการลงทุนไม่ถูกจังหวะ เพราะเป็นการถัวเฉลี่ยต้นทุนจากการทยอยลงทุนต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ
ขณะเดียวกัน การแบ่งเงินไปลงทุนใน "หุ้นปันผล” ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะนอกจากจะเปิดโอกาสในการรับผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สม่ำเสมอแล้ว (Dividend) ยังคาดหวังผลตอบแทนจากส่วนต่างราคาได้ด้วย (Capital Gain)
ซึ่งเมื่อคัดเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และมีการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนที่มั่นคงในระยะยาว บล.ทิสโก้ (TSC) แนะนำให้ทยอยลงทุนแบบ DCA หุ้นปันผล 5 ตัว ได้แก่ MAJOR (คาดปันผล 5.5%) MC (คาดปันผล 7.5%) PTT (คาดปันผล 6.5%) SCB (คาดปันผล 5.5%) และ SPALI (คาดปันผล 6.5%) ตั้งแต่ไตรมาสแรกปีมังกรนี้ เนื่องจากคาดตลาดหุ้นยังมีความผันผวนอยู่ แต่หุ้นปันผลมักจะมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้นทั่วไป
ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (PST) ได้คัดหุ้นที่มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอต่อเนื่องติดต่อกัน 10 ปี และคาดอัตราผลตอบแทนปีมังกรมากกว่า 5% ประกอบไปด้วย หุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูงเป็นเลข 2 หลัก ได้แก่ TKS TISCO TOG หุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูงระดับ 7.0-8.6% ประกอบไปด้วย TCAP ASK LH ASP KKP SIRI ตามมาด้วยหุ้นที่คาดจ่ายปันผลสูงระดับ 5.0-7.0% อย่าง SAT QH SC TTW SPALI และ MST
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนหุ้นปันผลเหล่านี้ อาจใช้วิธีทยอยลงทุนแบบ DCA ในหุ้นบางตัวได้ หรือจับจังหวะซื้อลงทุนในหุ้นหลายตัว ตามภาวะตลาดที่ผันผวนในแต่ละจังหวะเวลาได้ หรือตามกลยุทธ์ลงทุนรายอุตสาหกรรมได้ รวมถึงลงทุนระยะยาว ตามสไตล์ของนักลงทุนแต่ละรายได้