NL ยื่นไฟลิ่ง ขาย IPO 130 ล้านหุ้น เพิ่มขีดความสามารถรับเหมาก่อสร้างครบวงจร

4811 จำนวนผู้เข้าชม  | 

NL ยื่นไฟลิ่ง ขาย IPO 130 ล้านหุ้น เพิ่มขีดความสามารถรับเหมาก่อสร้างครบวงจร


นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ (Pioneer) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ. เอ็นแอล ดีเวลลอปเมนต์ (NL) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวน เพื่อขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 1 บาท ก่อนเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กลุ่มบริการรับเหมาก่อสร้างภายในปีนี้

ทั้งนี้ NL ประกอบธุรกิจรับเหมาก่อสร้างครบวงจร (One-Stop Service) ในฐานะผู้รับเหมาโดยตรง (Main Contractor) ด้วยวิธีประกวดราคา หรือเจรจาต่อรองกับผู้ว่าจ้างโดยตรง ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากกว่า 40 ปี ที่มุ่งมั่นกับการนำเทคโนโลยี BIM (Building Information Modeling) มาใช้ในการถอดแบบแต่ละขั้นตอนของการก่อสร้าง ทำให้การวิเคราะห์ การควบคุมงานออกแบบ การก่อสร้างเป็นไปอย่างมีคุณภาพและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ภายใต้หลักปฏิบัติตามมาตรฐาน ISO 9001:2015 เพื่อส่งมอบงานที่มีความปลอดภัย ตามกำหนด อีกทั้งงบประมาณไม่บานปลาย ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่อง ให้รับงานที่หลากหลาย โดยเฉพาะอาคารที่ต้องอาศัยเทคนิคการก่อสร้างและความเชี่ยวชาญพิเศษ

ขณะที่นายศรันย์ โรจน์เลิศจรรยา กรรมการผู้จัดการ NL เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากการนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ก่อสร้าง เพื่อยกระดับงานก่อสร้างให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด อีกส่วนหนึ่งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ช่วยเพิ่มศักยภาพในการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างอย่างครบวงจรให้แข็งแกร่งขึ้น




ปัจจุบัน บริษัทฯ รับงานก่อสร้าง 5 ประเภท ได้แก่ สถานพยาบาล อาคารสำนักงานและเพื่อการพาณิชย์ อาคารพักอาศัย อาคารพิเศษ และงานอื่นๆ ที่มีจุดประสงค์แตกต่างไปจากงานข้างต้น เช่น โรงงาน คลังสินค้า ถนน เขื่อน

สำหรับผลดำเนินงานของบริษัทฯ ย้อนหลัง 3 ปีล่าสุด (ปี 2563-65) แม้รายได้จากการรับเหมาก่อสร้างจะปรับตัวลดลงจาก 1,690.75 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,384.79 ล้านบาท และ 1,218.79 ล้านบาท ตามลำดับ สาเหตุจากการที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนชะลอการเปิดประมูลโครงการ และการลงทุนก่อสร้างอาคาร อีกทั้งบริษัทฯ เลือกรับงานที่จะได้กำไร หรืองานที่มีค่า K (ดัชนีที่ใช้วัดการเปลี่ยนแปลงมูลค่างาน) จากการดำเนินงานก่อสร้าง แต่บริษัทฯ สามารถรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิได้อย่างต่อเนื่อง จาก 50.90 ล้านบาท เพิ่มเป็น 57.33 ล้านบาท และ 57.56 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3.01% 4.14% และ 4.72% ตามลำดับ เพราะบริษัทฯ ยังคงบริหารต้นทุนจากการรับเหมาก่อสร้างได้ดี และการมีโรงงานในอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ประกอบด้วยโรงงานสำหรับตัดและดัดเหล็กเส้น และโรงงานสำหรับผลิตเฟอร์นิเจอร์งานตกแต่งภายในอาคารต่างๆ และยังมีอาคารจัดเก็บเหล็กเส้น ช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ดีขึ้นในกรณีที่ราคาวัตถุดิบมีแนวโน้มจะสูงขึ้น

สำหรับผลดำเนินงานงวดครึ่งแรกปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 1,142.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากครึ่งแรกปีก่อน 148.82% และมีกำไรสุทธิ 67.53 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 5.91% โดยรายได้มาจากโครงการกลุ่มสถานพยาบาลสูงถึง 79.72% ขณะที่สัดส่วนลูกค้าหลักมาจากหน่วยงานราชการ 72.60% ตามมาด้วยรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานรัฐอื่น 14.09% และหน่วยงานภาคเอกชน 13.32% และน่าจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ตามการขยายตัวของโครงการลงทุนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น

 

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้