3725 จำนวนผู้เข้าชม |
นายฉี ชิง-ฟู่ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป (LHFG) เปิดเผยว่า การที่เศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวตามการฟื้นตัวของการบริโภค การลงทุน และการท่องเที่ยว ส่งผลให้กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1.2 พันล้านบาท ขยายตัว 61.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน หลักๆ มาจากธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) ที่มีกําไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดด 119% เป็น 943.6 ล้านบาท หนุนโดยการขยายสินเชื่อที่เติบโตจากครึ่งแรกปีก่อน 4.8% และการเพิ่มขึ้นของส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ขานรับนโยบายดอกเบี้ยขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม การที่เศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีความเสี่ยงจากหลายปัจจัย ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าหลัก สถานการณ์ทางการเมือง ปัญหาหนี้ครัวเรือน ทำให้กลุ่ม LHFG พร้อมขยายธุรกิจอย่างระมัดระวัง และให้ความสำคัญกับการให้ความช่วยเหลือของลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคลกลุ่มเปราะบางแต่ละรายอย่างเหมาะสมและตรงจุด เพื่อก้าวสู่การเป็นธนาคารที่เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Banking)
ด้านนางสาวชมภูนุช ปฐมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Bank) กล่าวเสริมว่า ธนาคารมีแผนขยายสินเชื่อรายย่อยที่สร้างผลตอบแทนสูง (Higher Yield) ทั้งสินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบุคคลอย่างต่อเนื่อง โดยการขยายสินเชื่อบุคคลจะมุ่งเน้นช่องทางดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน "LHB YOU” เป็นหลัก โดยตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อราว 1 พันล้านบาท ซึ่งจะทำให้สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อรายย่อยขยับขึ้นมาเป็น 20% ที่เหลือ 80% เป็นสินเชื่อธุรกิจ ทั้งรายใหญ่ และกลุ่ม SME ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มโรงแรม
สำหรับลูกค้าธุรกิจ พร้อมให้การสนับสนุนกลุ่ม SME ที่กำลังขยายธุรกิจ โดยเฉพาะในพื้นที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมถึงสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Green Loan) พร้อมนำเอาความเชี่ยวชาญของกลุ่ม CTBC มาต่อยอดบริการ Trade Finance และ Global Markets เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาว
ขณะเดียวกัน ธนาคารจะมุ่งยกระดับเทคโนโลยีและนำระบบ Robotic Process Automation มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงนำเอา Data Analytic Tools ต่างๆ มาพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุน รวมถึงการให้บริการของบริษัทในเครือ เพื่อขยายฐานลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับเป้าหมายการทำธุรกิจ ธนาคารจะพยายามดูแลสัดส่วนการเงิน ทั้งอัตราการเติบโตของรายได้จากการดำเนินงาน (Core Income Growth) อัตราการเติบโตของรายได้ (NII Growth) อัตราการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Fee Growth) และหนี้เสีย (NPL) ให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ถึงแม้การขยายสินเชื่อจะต่ำกว่าเป้าก็ตาม
ส่วนนายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บลจ. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH Fund) เปิดเผยถึงกลยุทธ์การทำธุรกิจครึ่งปีหลังว่า จะมุ่งขยายฐานลูกค้ากองทุนส่วนบุคคล ทั้งลูกค้าสถาบัน และลูกค้ารายใหญ่พิเศษ (Ultra High Net Worth) อย่างต่อเนื่อง หลังจากในครึ่งปีแรก ได้ปรับแผนบริหารจัดการกองทุน รวมถึงปรับเปลี่ยนกองทุนหลัก (Master Fund) ในหลายกองทุนให้สอดคล้องกับสภาวะตลาด และเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ดีกว่าเดิม
ขณะที่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ อยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเพื่อบริการสมาชิกในรูปแบบ Target Date (Life Path) หรือการลงทุนที่ปรับเปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนแบบอัตโนมัติ
สำหรับกองทุนหุ้นไทย และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ รวมกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดัชนีชี้วัด กระนั้น บริษัทฯ มีแผนขยายการทำธุรกิจทรัสตี ด้วยการเป็นทรัสตีของทรัสต์เพื่อกิจการเงินร่วมลงทุน (Private Equity Trust) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Trust) และทรัสต์สำหรับธุรกรรมการเสนอขายโทเคนดิจิทัล ที่อ้างอิงกระแสรายรับจากอสังหาริมทรัพย์ (Trust for Real Estate – Backed ICO) เพิ่มเติมจากการเป็นทรัสตีของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในปัจจุบัน
ขณะที่นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บมจ. หลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LHS) ชี้แจงกลยุทธ์การทำธุรกิจครึ่งปีหลังว่า พร้อมพัฒนาระบบบริหารความเสี่ยงให้เหมาะกับภาวะตลาดที่มีแนวโน้มผันผวนมากขึ้น เพื่อปรับโครงสร้างรายได้ให้มีความแข็งแกร่ง รองรับการชะลอตัวของปริมาณการซื้อขายที่ซบเซา ควบคู่ไปกับการมุ่งพัฒนาบริการผ่านช่องทางดิจิทัล โดยเชื่อมโยงระบบกับแอป "LHB YOU" เพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว ช่วยขยายฐานลูกค้ารายย่อยให้เพิ่มขึ้นตามมา ซึ่งจะช่วยผลักดันให้บริษัทฯ สามารถรักษาความสามารถทำกำไรได้อย่างยั่งยืน หลังจากครึ่งปีแรก สามารถทำกำไรได้ 88.4 ล้านบาท ทั้งที่รายได้รวมลดลงจากครึ่งแรกปีก่อน 6.4% มาอยู่ที่ 296.1 ล้านบาท ตามการชะลอตัวของมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงมากถึง 33%