KBANK ปักธงบุกตลาดเวียดนาม เล็งปล่อยสินเชื่อ 20,000 ล้านบาทปีหน้า ปูทางสู่การรุกธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า การที่เศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนยุคหลังโควิด-19 มีแนวโน้มจะฟื้นตัวอย่างโดดเด่น ทั้งจากฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ที่มีจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวในสัดส่วนที่สูง และโอกาสทางธุรกิจด้วยดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่เปิดกว้างเพิ่มขึ้น ทำให้ธนาคารพร้อมเดินหน้าขยายบริการในภูมิภาคอาเซียนเพื่อเชื่อมต่อโอกาสให้กับธุรกิจไทย พร้อมกับส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้ารายย่อย และผู้ประกอบการในประเทศท้องถิ่นให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินและสินเชื่อได้สะดวกและครอบคลุมความต้องการในทุกพื้นที่ 

ดังนั้น เพื่อขับเคลื่อนแผนธุรกิจธนาคารในภูมิภาค 3 ปีต่อจากนี้ ธนาคารจะเน้นการพัฒนาด้านเทคโนโลยี เสริมทัพทีมงาน การลงทุนในสตาร์ทอัพ และเข้าซื้อกิจการ ในจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ด้วยงบลงทุนประมาณ 2,700 ล้านบาท เพื่อสร้างเครือข่ายธุรกิจที่ผสานด้วยดีเอ็นเอแห่งชาเลนเจอร์แบงก์ ส่งมอบบริการบนดิจิทัลสู่ผู้ใช้งานในท้องถิ่นได้อย่างคล่องตัวสูง ซึ่งจะทำให้ธนาคารกสิกรไทยเป็นธนาคารยุคใหม่แห่งภูมิภาค AEC+3  

ที่ผ่านมา KBANK ขยายธุรกิจในภูมิภาค AEC+3 ด้วยยุทธศาสตร์ Asset-Light Digital Banking Strategy ที่มุ่งเน้นรูปแบบการเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ โดยลงทุนและร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยีและสตาร์ทอัพท้องถิ่น ทำให้ธนาคารมีความรุดหน้าด้านเครือข่ายและเทคโนโลยีการบริการที่ตรงใจผู้ใช้งานได้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ธุรกิจใน 3 แนวทาง คือ รุกขยายสินเชื่อให้ลูกค้าธุรกิจ ทั้งลูกค้าที่เข้าไปลงทุนและลูกค้าท้องถิ่น พร้อมกับขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตร โดยมุ่งเน้นการให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล พร้อมพัฒนาบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะการให้สินเชื่อดิจิทัล ผ่าน Alternative Data ซึ่งช่วยให้ธนาคารสามารถเข้าถึงลูกค้ากล่มที่เป็น Underbanked ซึ่งเป็นฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใน AEC+3 ได้มากขึ้น สามารถต่อยอดเป็นธุรกิจ Banking-as-a-Service (Baas) และยกระดับไปสู่การเชื่อมต่อธุรกรรมระดับภูมิภาคด้วยการเป็น Regional Payment Platform ในที่สุด  

ล่าสุด ธนาคารพร้อมปักธงในเวียดนาม ซึ่งเศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตรวดเร็วที่สุดในอาเซียน ขับเคลื่อนโดยการเป็นแหล่งดึงดูดเม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลก และการพึ่งพิงการอุปโภคบริโภคในสัดส่วนสูง จากประชากรกว่า 100 ล้านคน ส่วนมากอยู่ในวัยทำงาน มีการเติบโตของชนชั้นกลางอย่างมีนัยสำคัญ หนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้ในระดับ 6-7% และยังมีแนวโน้มการเติบโตในระยะยาว โดยมีการคาดการณ์กันว่า เวียดนามจะเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหม่ที่มีรายได้ปานกลางค่อนข้างสูง ภายในปี 2573 และอาจก้าวขึ้นเป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี 2588  

นอกจากนี้ เมื่อสำรวจพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย พบว่า ประชากรเวียดนามเกิน 50% นิยมซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งสอดคล้องกับแผนให้บริการทางการเงินผ่านช่องทางดิจิทัลของ KBANK และสอดรับกับแนวนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งส่งเสริมให้ประเทศก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางด้านเทคโนโลยี” แห่งใหม่ของเอเชีย

ดังนั้น ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรกที่นำ “ดิจิทัล โปรดักส์ โซลูชัน” เต็มรูปแบบ ให้บริการลูกค้าทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มธุรกิจท้องถิ่นและต่างชาติที่เข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้ง บริการ โครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมต่างๆ รวมไปถึงธุรกิจขนาดเล็ก และลูกค้าบุคคล โดยนำศักยภาพด้านเทคโนโลยีของธนาคารในฐานะผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งและโมบายแบงกิ้งของไทย ไปต่อยอดให้บริการในเวียดนาม 

ซึ่งนายพิพิธ เอนกนิธิ กรรมการผู้จัดการ KBANK ชี้แจงว่า จะใช้ K PLUS Vietnam เป็นแกนหลักสร้าง Digital Lifestyle Ecosystem ให้แก่ลูกค้าบุคคลให้ครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อมออกสินเชื่อดิจิทัล ประเดิมด้วย KBank Biz Loan ที่ให้สินเชื่อแก่ร้านค้าขนาดเล็ก ผ่านทางพันธมิตรและแพลตฟอร์มท้องถิ่นที่ บริษัท กสิกรไทย วิชั่น (K-VISION) เข้าไปลงทุนแทนธนาคาร และตั้ง KBTG Vietnam เพื่อรองรับการพัฒนาเทคโนโลยีในการให้บริการทั้งในเวียดนามและในภูมิภาค 

ด้วยวิธีการแบบชาเลนเจอร์แบงก์ข้างต้น ที่เน้นความคล่องตัวสูงและเข้าถึงผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยี ธนาคารเชื่อมั่นว่าจะสามารถเชื่อมต่อบริการธนาคารสู่ลูกค้าท้องถิ่นในเวียดนามได้ในวงกว้าง สะดวก รวดเร็ว และตรงความต้องการ โดยตั้งเป้าหมายในปี 2566 จะมีลูกค้าบุคคลเวียดนาม 1.2 ล้านราย ปล่อยสินเชื่อรวม 20,000 ล้านบาท พร้อมขยายผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง  

ปัจจุบัน KBANK มีเครือข่ายการให้บริการต่างประเทศในกลุ่มประเทศ AEC+3 และประเทศอื่นๆ รวมทั้งสิ้น 16 แห่ง มีสถาบันทางการเงินที่เป็นพันธมิตรกว่า 84 แห่งทั่วโลก เครือข่ายสตาร์ทอัพในภูมิภาคที่ธนาคารลงทุนและพันธมิตรรวมมากกว่า 20 ราย และมีฐานลูกค้าในภูมิภาคกว่า 1.85 ล้านคน 

ก่อนหน้านี้ กสิกรไทย เพิ่งส่ง K-VISION เข้าไปร่วมลงทุนใน "จีโอ เฮลท์” (Jio Health) สตาร์ทอัพผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม HealthTech แบบบูรณาการทั้งออนไลน์และออฟไลน์ชั้นนำในเวียดนาม เพื่อสร้างบริการทางสุขภาพที่ดีขึ้นให้กับคนเวียดนาม ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย รวมถึงการทำธุรกรรมทุกรูปแบบให้กับทุกจุดชำระเงินของลูกค้า ต่อเนื่องถึงการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่ต้องการในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและยา เพราะกลุ่มเป้าหมายในการปล่อยสินเชื่อของ Jio Health คือกลุ่มคนที่อยู่ในวัยทำงาน อยู่ในกลุ่มคนชนชั้นกลางที่มีประวัติการใช้เงินที่ดี และผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ร้านขายยาที่ต้องการเงินทุนในการประกอบธุรกิจ คาดสามารถสร้างผลตอบแทนแบบก้าวกระโดดได้อย่างรวดเร็ว