533 จำนวนผู้เข้าชม |
บมจ. ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) ประกาศผลดำเนินงานปี 2564 ที่ผ่านมา ด้วยสถิติสูงสุดเป็นประวัติ การณ์ โดยมีรายได้จากการขาย 4,277.1 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343.3 ล้านบาท ขยายตัว 366.0% YoY
นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SNNP อธิบายว่า ธุรกิจได้ปัจจัยสนับสนุนจากตลาดภายในประเทศที่เริ่มดีขึ้นในทุกมิติ ทั้งสถานการณ์โควิดคลี่คลาย กำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น เช่นเดียวกับตลาดต่างประเทศที่ ฟื้นตัวโดดเด่น โดยเฉพาะเวียดนาม ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าไปทำการตลาดในช่วงที่ผ่านมา มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
และเพื่อตอบแทนผู้ถือหุ้น บริษัทฯ พร้อมจ่ายเงินปันผลสำหรับรอบบัญชีครึ่งปีหลัง ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เมษายน และจ่ายเงินวันที่ 18 พฤษภาคมต่อไป ซึ่งเมื่อนับรวมเงินปันผลระหว่างกาล ที่จ่ายในรอบบัญชีครึ่งปีแรก ทำให้ SNNP จ่ายปันผลรวมทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.24 บาท
หมายเลขหนี่งของ SNNP ยังคาดหมายแนวโน้มผลดำเนินงานปี 2565 ด้วยว่า น่าจะเห็นการเติบโตทั้งรายได้ และกำไรโดดเด่นต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าน่าจะเห็นยอดขายเติบโตแตะ 5,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมงบลงทุนปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการ หรือจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อต่อยอดธุรกิจ และสร้างแรงผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีคืนกลับผู้ถือหุ้น
ในเบื้องต้น คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติตั้งจัดตั้งบริษัทร่วมลงทุน 2 แห่ง ในอินโดนีเซีย และในไทย เพื่อเพิ่มแรงขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ให้เติบโตก้าวกระโดดในปีหน้า สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์รอบใหม่ต่อเนื่อง
โดยบริษัทร่วมทุนในอินโดนีเซีย เป็นการขยายการลงทุนรองรับความต้องการของผู้บริโภค สอดคล้องแผนบุกตลาดต่างประเทศของบริษัทฯ นอกเหนือจากตลาดใน CLMV โดยมีแผนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อผลิตสินค้าป้อนตลาดในอินโดนีเซีย คาดว่าจะสามารถผลิตและจำหน่ายสินค้าได้ในปลายปีนี้ และจะกลายเป็นอีกปัจจัยหนุนให้ธุรกิจ เติบโตอย่างโดดเด่นในปีหน้าเป็นต้นไป
ส่วนบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งใหม่ในไทย เป็นการร่วมลงทุนทำธุรกิจอาหารนวัตกรรม ซึ่งเป็นสินค้า High Margin คาดว่า จะพร้อมผลิตสินค้าป้อนตลาดได้ปลายปีนี้เช่นกัน
และในอนาคต เชื่อมั่นว่า SNNP ยังสามารถจะเติบโตได้มากกว่านี้ เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนขยายตลาดเพิ่มเติมจาก CLMV