KBANK ร่วมปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน

ตามที่ บมจ.ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้ประกาศเจตนารมย์ที่จะร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ธนาคารตั้งเป้าหมายสำหรับการสนับสนุนทางการเงินและการลงทุน เพื่อความยั่งยืน ราว 1-2 แสนล้านบาท ภายใน พ.ศ. 2573 และพร้อมจะเป็นผู้บุกเบิกการเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี 2593 และบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 2608 ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs)

ล่าสุด นายทิพากร สายพัฒนา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารร่วมกับธนาคารพัฒนาเอเซีย (Asian Development Bank - ADB) และกองทุนเรสปอนส์ อะบิลิตี้ (responsAbility Fund - rA) พร้อมให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการ (Project Finance) ในรูปแบบการปล่อยกู้ร่วม (Syndication Loan) วงเงิน 1.1 พันล้านบาท ในสัดส่วนฝ่ายละ 33.3% เท่ากัน เป็นระยะเวลา 13 ปี ให้กับบริษัท กรีน เยลโล่ (ไทยแลนด์) จํากัด ผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว (Private PPA) เพื่อดำเนินโครงการกรีนเยลโล่ โซล่าร์ 1 ซึ่งผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์รวม 92 โครงการ ในรูปแบบโซลาร์รูฟท็อป โซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์ลอยน้ำ คิดเป็นกำลังการผลิตรวม 60.3  เมกะวัตต์ (MW) ให้แก่ 14 บริษัทชั้นนำ เพราะมีความมั่นใจในโมเดลธุรกิจ ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นกระแสหลักของโลกยุคปัจจุบัน และมีศักยภาพที่จะสามารถต่อยอดขยายไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย รวมทั้งภูมิภาคอาเซียนได้ในอนาคต เพราะสามารถช่วยให้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการใช้พลังงาน ช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานตามมาในที่สุด        

ด้านนายอองตวน เปรโดร ผู้บริหารด้านการลงทุน กองทุนเรสปอนส์อะบิลิตี้ (rA) กล่าวสั้นๆ ว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการสนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้า ทั้งในกลุ่มพาณิชย์และกลุ่มอุตสาหกรรมในภูมิภาค และถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการส่งเสริมด้านพลังงานหมุนเวียนในเอเชีย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของกิจกรรมการลงทุนของกองทุน

ส่วนนายอ๊อทแมน ฮัจจิ ผู้ก่อตั้ง และประธาน กรีน เยลโล่ เสริมว่า การสนับสนุนทางการเงินครั้งนี้ เป็นสิ่งยืนยันให้เห็นถึงความต้องการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศไทย และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เพิ่มมากขึ้น และตอกย้ำภาพความเป็นผู้นำธุรกิจของบริษัทฯ ในด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให่้ลูกค้าสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านการใช้พลังงานได้อย่างยั่งยืนแล้ว ยังจะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดคาร์บอน ในขณะที่ยังคงสามารถรักษาการเติบโตทางเศรษฐกิจได้อีกทางหนึ่ง เพราะปัจจุบันธุรกิจและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในไทยมีความต้องการใช้ไฟฟ้ากว่า 70% ของความต้องการทั้งประเทศ

เกี่ยวกับ กรีน เยลโล่

กรีน เยลโล่ มีสำนักงานใหญ่ที่ฝรั่งเศส ก่อตั้งมาแล้วกว่า 14 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ และการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โดยนำเสนอโซลูชั่นด้านพลังงาน เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานให้กับลูกค้า ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินกิจการใน 16 ประเทศ จาก 4 ทวีป และมีพนักงานกว่า 550 คนทั่วโลก

นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564 กรีน เยลโล่ มีการพัฒนาโครงการพลังงานแสงอาทิตย์สูงถึง 355 เมกะวัตต์ (MW) และมีการลงนามในสัญญาเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานแล้วกว่า 2,650 ฉบับ ที่สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 855 กิกะวัตต์ (GW) นอกจากนี้ กรีน เยลโล่ ยังช่วยผลิตและบริหารพลังงานไฟฟ้าให้กับลูกค้ากว่า 2.9 เทราวัตต์ (TW) อีกด้วย กรีน เยลโล่ มุ่งมั่นในการขยายการให้บริการผ่านการใช้นวัตกรรม เพื่อช่วยทั้งภาครัฐและเอกชนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ปัจจุบัน กรีน เยลโล่ ดำเนินกิจการใน 16 ประเทศ จาก 4 ทวีป และมีพนักงานกว่า 550 คนทั่วโลก

สำหรับในบ้านเรา กรีน เยลโล่ เริ่มต้นธุรกิจด้านโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ในปี  2560 โดยดำเนินโครงการโซล่าร์เซลล์ที่ผลิตพลังงานเพื่อใช้เองไปแล้ว 129 MW ทั่วประเทศ ผ่าน บริษัท กรีน เยลโล่ (ไทยแลนด์) จํากัด เป็นหนึ่งในผู้นำในการพัฒนาโครงการระบบการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในรูปแบบ Private PPA ที่มีการลงทุนมากกว่า 3,000 ล้านบาท จนได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ารายใหญ่ที่มีชื่อเสียงเป็นจำนวนมาก อาทิ บมจ. ซีพี ออลล์ (CPALL), บมจ. สยาม แม็คโคร (MAKRO), รอยัล ปอร์ซเลน (Royal Porcelain), วาเลโอ (Valeo)