HMPRO ประกาศซื้อหุ้นคืน 25 ล้านหุ้น ดีเดย์ 1 เม.ย.- 30 ก.ย. 2568

นายวีรพันธ์ อังสุมาลี กรรมการผู้จัดการ บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) เปิดเผยว่า เพื่อบริหารสภาพคล่องส่วนเกินให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการเพิ่มอัตราส่วนผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น (ROE) และกำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงช่วยสร้างเสถียรภาพของราคาหุ้นให้สมเหตุสมผล และสอดคล้องกับศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) จำนวนไม่เกิน 800 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 6% ของหุ้นทั้งหมด เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน จนถึงวันที่ 30 กันยายนปี 2568 นี้ คิดเป็นวงเงินรวมไม่เกิน 7,000 ล้านบาท
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะบริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจตามแผน 5 ปี ที่วางเป้ารายได้เติบโตแตะหลัก 1 แสนล้านบาท ในปี 2573 ผ่านการขยายสาขาเพิ่มเป็น 170 สาขาทั่วประเทศ พร้อมกับการให้บริการอย่างครบวงจร ตั้งแต่ การซื้อ พร้อมการรับประกัน การติดตั้ง บริการซ่อมแซม จนถึงการเปลี่ยนสินค้าใหม่ และการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรในทุกมิติ

เฉพาะปี 2568 นี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า จะเห็นการเติบโตของรายได้เพิ่มจากปีก่อน 3-5% โดยมีอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2-3% หนุนจากการขยายธุรกิจ ด้วยการเปิดสาขาใหม่ 12 สาขา แบ่งเป็นโฮมโปร 7 สาขา และเมกา โฮม 5 สาขา ในจำนวนนี้เป็นสาขาในรูปแบบไฮบริดสโตร์ ที่มีทั้งโฮมโปรและเมกาโฮมในพื้นที่เดียวกัน รวม 7 สาขา เน้นไปที่การปรับปรุงสาขาเดิมที่มียอดขายดีเป็นหลัก มีเพียงแค่ 5 สาขา เท่านั้นที่จะเปิดในทำเลใหม่ เนื่องจากไฮบริดสโตร์ใช้งบลงทุนประมาณ 500 - 600 ล้านบาท ต่ำกว่าการเปิดสาขาปกติ 2 สาขาที่ใช้เงินลงทุนสาขาละ 800 ล้านบาท อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำกว่าสาขาปกติ เพื่อเพิ่มยอดขายโดยรวม พร้อมกับลงทุนสร้างคลังสินค้าแห่งที่ 7 เพิ่มเติมในพื้นที่อำเภอวังน้อยเดิม เพื่อสร้างระบบขนส่งที่รวดเร็ว พร้อมรองรับการขนส่งสินค้าแบบสั่งสินค้าวันนี้ สามารถรับสินค้าได้วันรุ่งขึ้นทันที โดยกำหนดรูปแบบคลังสินค้าใหม่นี้เป็นแบบอัตโนมัติ ซึ่งจะลดการใช้แรงงานคนลงได้ 30% โดยตั้งเป้าคลังสินค้าแห่งใหม่จะก่อสร้างแล้วเสร็จในปลายปีนี้

ขณะเดียวกัน เพื่อเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ให้สูงเกิน 29% บริษัทฯ จะยังให้ความสำคัญกับการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเพิ่มสัดส่วนการขายสินค้าที่เป็นแบรนด์ตัวเอง (Private brand) ขึ้นมาเป็น 22%

สำหรับผลดำเนินงานปี 2567 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป HMPRO มีกำไรสุทธิ 6,503.55 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2566 ทั้งที่รายได้รวมจะลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 72,638.47 ล้านบาท ตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว กระนั้น บริษัทฯ ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลเพิ่มในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (วันขึ้น XD) 22 เมษายน ก่อนจ่ายเงินปันผลตามมาในวันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งหากคิดรวมเงินปันผลที่จ่ายระหว่างกาลในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท ทำให้ทั้งปี 2567 บริษัทฯ จ่ายปันผลทั้งสิ้น 0.43 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนราว 5% (อิงราคาหุ้นที่ 8.40 บาท)