ผู้ถือหุ้น TRC อนุมัติแผนเพิ่มทุน เปลี่ยนราคาพาร์ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ สร้างการเติบโตรอบใหม่อร์แรนท์

1248 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ผู้ถือหุ้น TRC อนุมัติแผนเพิ่มทุน เปลี่ยนราคาพาร์ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจ สร้างการเติบโตรอบใหม่อร์แรนท์


นายภาสิต ลี้สกุล ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ทีอาร์ซี คอนสตรัคชั่น (TRC) ผู้ดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและออกแบบทางวิศวกรรมงานวางระบบท่อและอุตสาหกรรมปิโตรเคมี รวมถึงพัฒนาโครงการด้านพลังงาน โรงไฟฟ้า และปิโตรเคมีชั้นนำของไทย เปิดเผยผลการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีวาระสำคัญ 3 ประเด็น คือ การขออนุมัติผู้ถือหุ้นในการแปลงหนี้เป็นทุน การเพิ่มทุนจดทะเบียน และการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้น หรือราคาพาร์ เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งทางการเงิน ให้สอดคล้องกับแผนดำเนินธุรกิจ สร้างการเติบโตในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้ความเห็นชอบทุกวาระตามที่คณะกรรมการบริษัทฯ เสนอ   

โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงราคาพาร์ จากเดิมหุ้นละ 0.125 บาท เป็นหุ้นละ 1.50 บาท โดยการรวมมูลค่าหุ้น 12 หุ้นเดิม เป็น 1 หุ้นใหม่ พร้อมกับอนุมัติการปรับโครงสร้างหนี้ ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุน ผ่านการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 125 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ใหม่ 1.50 บาท ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2.40 บาท ให้แก่กลุ่มเจ้าหนี้การค้าภายใต้โครงการแปลงหนี้เป็นทุน คิดเป็นวงเงินรวม 300 ล้านบาท และอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 1,994.42 ล้านบาท เป็น 3,492.41 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,329.61 ล้านหุ้น ที่ราคาพาร์ใหม่ ส่วนหนึ่งเพื่อเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) ประกอบด้วย กลุ่มเจ้าหนี้การค้าภายใต้โครงการแปลงหนี้เป็นทุน นายพิสิทธิ์ แซ่ลิ้ม และกองทุน LDA Capital อีกส่วนหนึ่งเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น และอีกส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการออกและจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รวม 3 ชุด (TRC-W1,TRC-W2 และ TRC-W3) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น

เบื้องต้น บริษัทฯ เตรียมจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 285.33 ล้านหน่วย เสนอขายผู้ถือหุ้นเดิม ในสัดส่วน 3.5 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 2.40 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XR วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ คาดว่าจะเปิดให้ใช้สิทธิภายในเดือนธันวาคมนี้

สำหรับเงินทุนใหม่ที่ได้รับ คาดว่าจะอยู่ที่ 1,542 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินจากการเพิ่มทุนของผู้ถือหุ้นเดิม 685 ล้านบาท และการทำ PP อีก 857 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เตรียมนำไปใช้ชำระหนี้ตามโครงการแปลงหนี้เป็นทุน 300 ล้านบาท ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (Working Capital) ราว 300 ล้านบาท และใช้ในการลงทุนธุรกิจใหม่ ได้แก่ โครงการรีไซเคิลพลาสติกและการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เคมีจากเศษอาหาร (PSEC) ซึ่งมีอัตราการทำกำไรที่สูงถึง 50% มูลค่า 300 ล้านบาท กับการลงทุนในโครงการเหมืองแร่โปแตชที่จังหวัดชัยภูมิ (APOT) มูลค่า 942 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้บริษัทฯ จนสามารถพลิกฟื้นผลดำเนินงานกลับมาเติบโตรอบใหม่




Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้